วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Top 10 Antivirus ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2009

Top 10 Antivirus ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2009

การจัดอันดับสุดยอดโปรแกรมป้องกันไวรัส (Top 10 antivirus 2009) ในครั้งนี้ก็เป็นการจัดอันดับในปี 2009 โดยเว็บไซต์ top10reviews.com ที่ไำด้ให้เหตุผลได้ดีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านประสิทธิภาพ การ support การ update เป็นต้น ซึ่ง 10 อันดับ Anti Virus มีดังนี้

1. BitDefender Antivirus
2. Kaspersky Anti-Virus
3. Webroot Antivirus
4. ESET Nod32
5. ParetoLogic Anti-Virus PLUS
6. AVG Anti-Virus
7. Vipre Antivirus + Antispyware
8. F- Secure Anti-Virus
9. Trend Micro
10. McAfee VirusScan

BitDefender Antivirus จากการสำรวจก็เป็นอันดับหนึ่งในการป้องกันไวรัส แต่อย่างไรก็ตามการระมัดระวังในเรื่องการใช้งาน โดยเฉพาะการนำ Handy drive ไปใช้ตามเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ Scan ก่อน ก็จะทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้ง่าย ดังนั้น สิ่งที่พึงระลึกและกระทำเสมอคือ...
1. ยอมเสียเวลาเพียงนิด Scan Handy drive ทุกครั้งก่อนใช้งาน
2. พยายาม Update BitDefender Antivirus อยู่เสมอ โดยคลิ๊กขวาที่ไอคอน BitDefender Antivirus (รูปวงกลมสีแดง อยู่ด้านล่าง-ขวาของจอภาพ) แล้วเลือก Update now
3. Scan เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (ถ้าทำได้ทุกวันยิ่งดี)

เท่านี้ก็จะช่วยป้องกันไวรัสได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว

cradit : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=prath&month=12-12-2009&group=4&gblog=7

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นวัตกรรมใหม่ "รถยนต์ HYBRID"

นวัตกรรมใหม่ "รถยนต์ HYBRID"

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่า การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับรถยนต์นั้นจะเห็นไปที่เทคโนโลยีเพื่อสภาพแวดล้อม(Environmental Friendly Technology) ซึ่งก็ไปตามกระแสสังคมโลก ตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ คือ จำนวนสัดส่วนของแนวคิดแห่งอนาคต(Concept Car) ที่นำออกแสดงรถยนต์ต่าง ๆ มีเพิ่มขึ้นโดยตลอด

จุดใหญ่ของแหล่งกำเนิดมลภาวะของรถยนต์ คือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ในระยะแรกของการพัฒนานั้นจะมุ่งไปที่รถยนต์ที่ใช้พลังงานแสงแดด(Solar Car) และรถที่ใช้ไฟฟ้า (Elecric Car) ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เพราะยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ ถึงแม้ว่าในบางประเทศจะมีรถไฟฟ้าใช้แล็วก็ตาม

ในงานมหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น หรือ Tokyo Motor Show ครั้งที่ 32 ที่จัดขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา TOYOTA ได้แนะนำรถยนต์อนุกรมใหม่ ในชื่อว่า Prius ความพิเศษของรถรุ่นนี้ คือใช้เครื่องยนต์แบบ Hybrid ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุด ที่ถูกพัฒนาภายใต้แนวคอดของการรักษาสิ่งแวดล้อมและที่สำคัญคือ รถ Prius นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถแนวคิด(Concept Car) เท่านั้น แต่ได้ผลิดเพื่อจำหน่ายจริงเป็นเจ้าแรกในตลาดญี่ปุ่น และจะขยายสู่ตลาดโลกในระยะอันใกล้นี้

เครื่องยนต์ Hybrid คืออะไร?
เครื่องยนต์ Hybrid เป็นเครื่องยนต์แนวคิดใหม่ เป็นการผสมผสานการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า

เครื่องยนต์ Hybrid ทำงานอย่างไร ?
ในขณะที่ออกรถ และใช้ความเร็วต่ำ : ระบบขับเคลื่อนจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งแหล่งพลังงานมาจากแบตเตอร์ชนิด High Voltage Nickkal Hybrid (คล้ายกับแบตเตอร์รี่ของโทรศัพท์มือถือแต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า)ขนาดใหญ่ อยู่ที่ห้องเก็บของด้านหลัง
ขณะที่เร่งเครื่องขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือขึ้นเขา : ระบบขับเคลื่อน จะใช้กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์เบ็นซิน ร่วมกัน เพื่อให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งาน
ขณะลงเขา และขณะเบรค : ทั้ง 2 สถานการณ์นี้ระบบขับเคลื่อนจะไม่ต้องการกำลังมาใช้ในการขับเคลื่อน แต่จะเปลี่ยนกำลังที่ได้จากแรงเฉลื่อยที่เกิดขึ้นให้กลับไปอยู่ในรูปไฟฟ้า และนำไปสำรองไว้ในแบตเตอร์แทน
ขณะจอด : เครื่องยนต์จะถูกดับดดยอัตดนมัติ
เครื่องยนต์ Hybrid ดีอย่างไร ?จากระบบการทำงานที่กล่าวไปแล้ว จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์ชนิดนี้ มีข้อดีมากมาย ไม่เฉพาะช่วยลดภาวะ แต่จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และให้ความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วยดังนี้.-

ช่วยลดมลภาวะ : เนื่องจากภาระของเครื่องยนต์เบ็นซินลดลงกว่าครึ่ง โดยการใช้มอร์เตอร์ไฟฟ้ามาช่วยส่งกำลังแทนไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจึงลดลงด้วย
ช่วยประหยัดน้ำมัน : เนื่องจากภาระของเครื่องยนต์เบ็นซินลดลงกว่าครึ่ง จึงประหยัดน้ำมันได้ว่าครึ่งด้วย
ใช้งานได้สะดวก : เนื่องจากการประจุไฟจะเกิดขึ้นในขณะใช้งาน (ทั้งขณะวิ่งลงทางลาด และขณะเบรค) จึงไม่จำเป็นต้อจอดรถเพื่อชาร์ทแบตเตอรี่เหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป
ลดเสียง : นอกเหนือจากหัวข้อที่กล่าวแล้ว ประโยชน์ทางอ้อมที่ได้รับคือ เสียงการทำงานของเครื่องจะน้อยลงด้วย

ที่มา:http://board.art2bempire.com/index.php?topic=105082.0

ปล.ขอport อะไรที่มันไม่เกียวบ้างนะ จะได้ไม่เบื่อ

Internet Explorer 8 "ปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อออนไลน์"

เมื่อเว็บไซต์มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น วิธีที่แฮกเกอร์และเว็บไซต์ประสงค์ร้ายต่างๆ พยามยามจะส่งไวรัส สร้างความเสียหายใ้ห้กับคอมพิวเตอร์ ดึงข้อมูลส่วนตัว และตรวจสอบพฤติกรรมการออนไลน์ของคุณก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

รู้หรือไม่ว่า
มัลแวร์ คือซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายใ้ห้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์อาจถูกดาวน์โหลดโดยที่คุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ได้อนุญาต
ฟิชชิ่ง คือช่องทางสำหรับอาชญากรในการดึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ (เช่น หมายเลขบัตรเครดิต) โดยแสร้งว่าเป็นองค์กรที่ถูกกฏหมาย เช่น ธนาคารของคุณ Internet Explorer จะช่วยป้องกันการจู่โจมเหล่านี้ และอื่นๆ อีกมากมาย การให้บริการเบราว์เซอร์ที่ไว้วา่งใจได้นั้น หมายถึงเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ เป็นเบราว์เซอร์ที่เคารพการตัดสินใจของผู้ใช้งาน และช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมคอมพิวเตอร์และข้อมูลของตนเองได้

ตัวกรอง SmartScreen
ตัวกรอง SmartScreen ใหม่ของ Internet Explorer 8 ช่วยปกป้องคุณจากการติดตั้งมัลแวร์โดยไม่เจตนา หรือซอฟต์แวร์ที่มีเจตนาร้ายซึ่งเป็นอันตรายต่อข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และข้อมูลเฉพาะตัวของคุณ และสามารถทำลายคอมพิวเตอร์และข้อมูลอันมีค่าของคุณ เราขอแนะนำให้คุณเปิดใช้งาน SmartScreen ซึ่งคุณสามารถเลือกเปิดหรือปิดการทำงานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ คุณยังสามารถช่วยพัฒนาเว็บไซต์สำหรับทุกคนได้โดยแจ้งเว็บไซต์ที่สงสัยว่ามีเจตนาร้ายด้วยตัวกรองนี้ หากตัวกรอง SmartScreen ทำงานอยู่และุคุณพยายามเรียกดูเว็บไซต์ที่พิจารณาแล้วว่าไม่ปลอดภัย หน้าจอด้านล่างนี้จะพร้อมท์ถามให้คุณเลือกดำเนินการอื่นๆ

เมื่อเปิดการทำงาน ตัวกรอง SmartScreen จะแจ้งเตือนเมื่อคุณพยายามดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่อาจเป็นอันตราย
ตัวกรอง Cross Site Scripting (XSS)

Internet Explorer 8 ขอแนะนำคุณสมบัติในการตรวจพบรหัสที่เป็นอันตรายบนเว็บไซต์ที่ละเมิดความปลอดภัย เพื่อช่วยปกป้องคุณจากการถูกหาผลประโยชน์ที่นำไปสู่การเิปิดเผยข้อมูล การขโมยคุกกี้ การโจรกรรมบัญชีผู้ใช้/ข้อมูลประจำตัว และอื่นๆ การจู่โจมเหล่านี้เป็นการคุกคามทางออนไลน์ประเภทหลัก เราจึงได้รวม Cross Site Scripting ซึ่งเป็นตัวกรองชนิดใหม่ เพื่อให้คุณออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
การเน้นโดเมน

การเน้นโดเมนทำใ้ห้คุณตีความที่อยู่เว็บต่างๆ (URLs) ได้ง่ายขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ประสงค์ร้ายและฟิชชิ่งเว็บไซต์ที่พยายามลวงคุณด้วยที่อยู่เว็บซึ่งชวนให้เข้าใจผิด ุคุูณลักษณะนี้จะเน้นสีดำที่ชื่อโดเมนที่ปรากฏในแถบที่อยู่ และส่วนอื่นๆของ URL จะแสดงด้วยสีเทา เพื่อให้ระบุคุณลักษณะเฉพาะของเว็บไซต์นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น

Data Execution Prevention (DEP) (การป้องกันการดำเนินการข้อมูล)
การป้องกันการดำเนินการข้อมูล (DEP) ที่เปิดการทำงานตามค่าเริ่มต้นของ Internet Explorer 8 ใน Windows Vista Service Pack 1 นั้นเป็นคุณลักษณะเพื่อความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากความเสียหายที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์และการคุกคามความปลอดภัยต่างๆ โดยป้องกันไม่ให้มีการเขียนรหัสบางประเภทลงในพื้นที่หน่วยความจำที่ปฏิบัติการได้


มดเอง

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Bad Sector

Bad Sector

สาเหตุอาจเกิดจาก : เกิดจากพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิส เกิดความเสียหาย โดยอาจเกิดรอยที่ผิวหรือเกิดจากเศษโลหะหรือฝุ่นขนาดเล็ก เกาะที่ผิวของจานเก็บข้อมูล
การแก้ไข :
1. ทำการ Mark BAD Sector โดยใช้โปรแกรมประเภท Scandisk ทำการ Scan โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้จาก Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Scandisk และกำหนดค่าของโปรแกรมเป็น Thorough และ Automatically fix errors และกดปุ่ม Start
2. หากไม่มีความจำเป็น ต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส ควรจะทำการ Full Format ใหม่ โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลและเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จสิ้นแล้วจะแสดงตารางแจ้งผลการทำงานหากมี Bad Sector ก็จะแสดงค่าที่เสียไปในตารางด้วย จากนั้นจึงติดตั้งโปรแกรม Windows ใหม่อีกครั้ง
3. ฮาร์ดดิสที่เกิด BAD Sector แล้วโดยส่วนใหญ่จะใช้งานได้อีกไม่นาน และมีโอกาสที่จะเกิดส่วนที่เสียเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นจึงควรที่จะสำรองข้อมูลไว้ในสื่ออื่นด้วยเพื่อป้องกันข้อมูลที่จะเสียหายจากการที่ไม่สามารถอ่านฮาร์ดดิสได้อีก

อาทิตย์หน้ามาต่อเรื่องการป้องกันนะ

ที่มา http://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=372952#knowledge01

โบ๊ท 5115078

การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์สมองกลฝังตัว

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องอุปโภคชนิดต่างๆ ที่เราใช้และพบเห็นกันอยู่ในชีวิตประจำวัน ล้วนมีส่วนประกอบของคอม พิวเตอร์ชิพ เกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) รถยนต์ เครื่องบิน ลิฟต์ เครื่องซักผ้า โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

เราเรียกสิ่งนี้ว่า การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์สมองกลฝังตัว (Embedded Computers Application) ซึ่งหมายถึง การนำเอาชิพคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษกำหนดใช้ในทิศ ทางใดทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะ มีองค์ประกอบหน้าที่การทำงานสำหรับอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีขนาดใหญ่

คอมพิวเตอร์สมองกลฝังตัว มีมาก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1930-1940 คอมพิวเตอร์ในครั้งนั้นถูกกำหนดให้นำมาใช้ได้เพียงงานเดียว ในขณะเดียวกันมันมีขนาดใหญ่โตมาก และมีราคาแพง ต่อมาจึงมีแนวคิดที่จะเขียนโปรแกรมควบคุมเกี่ยวกับขั้นตอนของวิชาผสมโลหะที่ เกี่ยวกับไฟฟ้า ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์



ภาพแสดง Personal Embedded Computer (www.itlabca.com)

อีก กรณีหนึ่งที่ควรค่าแก่ความทรงจำคือ รูปแบบของคอมพิวเตอร์สมองกลฝังตัวนี้ ได้แนวทางการพัฒนามาจาก Apollo Computer ซึ่งพัฒนาโดย Charles Stark Draper ที่ห้อง LAB ของ MIT (Massachusetts Institute of Technology) ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับตรวจอนุมัติแล้ว เนื่องจาก Embedded Computer มีขนาดใหญ่มาก ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเป็นวงจรรวม (ไอซี) เพื่อลดขนาดและน้ำหนักให้เล็กลง (http://en.wikipedia.org)

ต่อไปนี้ เป็นรายการอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์สมองกลฝังตัว คือ

อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยงานส่วนบุคคล (พีดีเอ), เครื่องเล่นเอ็มพี 3, คอนโซลเครื่องเล่นเกม, เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม GPS (Global Positioning Systems), โทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์ดิจิตอล, นาฬิกาดิจิตอล, โทรทัศน์ดิจิตอล, กล้องถ่ายรูปดิจิตอล, เครื่องบันทึกวิดีโอ, เครื่องเล่นและเครื่องบันทึกดีวีดี, เครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ

อุปกรณ์ อัตโนมัติภายในบ้าน ได้แก่ เครื่องตัดกระแสไฟฟ้า, ระบบฉีดพ่นน้ำในสนามหญ้า, ระบบติดตามความปลอดภัย, เครื่องซักผ้า, ระบบไฟฟ้า, เตาไมโครเวฟ, เครื่องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งสามารถเปลี่ยนวันเวลา และฤดูกาลได้ (Gary B. Shelly : 2008)

อุปกรณ์สำหรับรถยนต์ ได้แก่ ระบบอุปกรณ์ล็อกเบรก (เอบีเอส), เครื่องควบคุมเครื่องยนต์กลไก, เครื่องควบคุมถุงลมนิรภัย, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเสถียรภาพของรถยนต์ (อีเอสซี/อีเอสพี), และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมมอเตอร์การทำงาน, ระบบเครื่องยนต์แบบรวมหรือผสมผสาน (ไฮบริดจ์) ซึ่งช่วยเพิ่มให้เกิดความสะดวกสูงสุดและช่วยลดภาวะมลพิษ รวมถึงเครื่องควบคุมการเดินเรือด้วย

อุปกรณ์ควบคุมกระบวนการทำงานและ หุ่นยนต์ ได้แก่ ระบบควบคุมและติดตาม, ระบบติดตามกระแสไฟ, สัญญาณไฟจราจร, เครื่องควบคุมเครื่องจักรกล, ระบบควบคุมการติดตั้งโรงงานนิวเคลียร์, การควบคุมการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม, และอุปกรณ์ทางการแพทย์

อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ในสำนักงาน ได้แก่ แป้นพิมพ์, เครื่องพิมพ์, โทรสาร, เครื่องถ่ายสำเนาเอกสาร รวมไปถึงเครื่องที่รวมเอาหลายอย่างมาไว้ด้วยกัน ได้แก่ คอมพิวเตอร์+โทรศัพท์+โทรสาร+เครื่องถ่ายเอกสาร+เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น

อุปกรณ์ด้านงานวิจัย เช่น RMAX เฮลิคอปเตอร์สำรวจอัตโนมัติ ของบริษัท Yamaha Motor Co.Ltd. ใช้ PC104 Embedded Computers ถึง 3 ตัว (www.ida.liu.se)

นับว่ามนุษย์ได้รับประโยชน์จากการประยุกต์ใช้คอมพิว เตอร์สมองกลฝังตัวอย่างมหาศาล


วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มาดูแลตัวเองกันเถอะ

1.ฟังโทรศัพท์โดยใช้หูซ้าย
2.อย่าดื่มกาแฟเกิน 2 แก้วต่อวัน
3.อย่ากินยาพร้อมน้ำเย็นที่ใส่น้ำแข็ง
4.อย่ากินอาหารมื้อใหญ่หลัง 5 โมงเย็น
5.ลดปริมาณอาหารประเภทไขมันลง จากที่เคยกิน
6.ดื่มน้ำมากๆในตอนเช้าและลดให้น้อยลงในตอนกลางคืน
7.อยู่ห่างๆจากที่ชาร์ตแบตแลธโทรศัพท์มือถือ
8.อย่าใช้อุปกรณ์หูฟังเป็นเวลานาน
9.เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนอนพักผ่อนคือ 22.00-06.00
10.อย่านอนทันทีหลังกินยาก่อนนอน
11.เมื่อโทรศัพท์เหลือแบตเตอรี่ขีดสุดท้าย พยายามอย่าใช้เพราะจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1000 เท่าตัว


จอยค่ะ

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การตรวจจับไวรัส

การตรวจจับไวรัส

เนื่องจากในปัจจุบันมีไวรัสเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลาว่ากันว่า 1 วันมีไวรัสคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นได้อย่างน้อย 1 ตัวและทางที่ไวรัสเหล่านี้จะเข้ามาสู่คอมพิวเตอร์ก็มีมากขึ้น การที่จะบอกได้ว่ารหัสคำสั่งใดเป็นรหัสแปลกปลอม หรือไวรัสจึงเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน ทำให้โอกาสที่จะมีความผิดพลาดในการตรวจหาและกำจัดไวรัสมีมากขึ้นเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นการตรวจจับเพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ เพราะไม่มีซอฟต์แฟร์ต่อต้านไวรัสตัวใดสามารถตรวจจับไวรัสได้ทุกตัวแต่อย่างไรก็ดี การใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยในการตรวจจับไวรัสก็ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดเนื่องจากสามารถ อัพเดทให้ซอฟต์แวร์ให้รู้จักไวรัสที่เกิดใหม่ได้ตลอดเวลาจาก Web Site ของ ซอฟต์แวร์นั้นๆ

ที่มา http://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=372952#knowledge01

Boat 5115078

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 ภัยร้ายออนไลน์ที่ต้องระวังช่วงเทศกาลวันหยุด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
19 ธันวาคม 2552 16:30 น.

ก่อนจะถึงเทศกาลหยุดงานแสนสบายใจ ไปดูสรุป 10 อันดับภัยร้ายออนไลน์ที่ชาวไอทีทุกคนต้องระวังตัวในช่วงเทศกาลวันหยุด ภัยร้าย 10 อันดับนี้เรียบเรียงโดยนายเจค โซเรียโน ฝ่ายสื่อสารด้านเทคนิค ศูนย์วิจัยข้อมูลเทรนด์แล็บส์ เพื่อให้ทุกคนไม่หลงกลอาชญากรไซเบอร์ที่จะใช้เทคนิคกลลวงทางสังคมที่แตกต่างกันเพื่อหลอกล่อชาวเน็ตที่พากันค้นหาร้านค้าและเลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าปกติ เช่น การคลิกลิงค์ที่เป็นสแปม, การดาวน์โหลดไฟล์ หรือการกรอกแบบฟอร์มโดยใส่ข้อมูลส่วนตัวที่เป็นความลับ ---

อันดับ 10 - ภัยลวงนักล่าของถูก: อาชญากรไซเบอร์จะใช้ส่วนลดและโปรโมชันเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย หรือใส่ข้อมูลที่เป็นความลับของตนลงในเว็บไซต์หลอกลวง โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ล่อเหยื่อจะเป็นสินค้ายอดนิยมและสินค้าขายดี ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้อดใจไม่ได้ที่จะคลิกลิงก์ที่ปรากฏ เช่นในปีนี้เทรนด์ ไมโคร พบว่าโทรจัน TROJ_AYFONE.A ใช้ประโยชน์จากการเปิดตัว Apple iPhone โดยมัลแวร์จะแสดงในรูปแบบโฆษณาลวงเหมือนกับการสร้างเว็บไซต์ลวงของร้านค้าออนไลน์ที่สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้

อันดับ 9 - ไซต์การกุศลจอมปลอม: ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว ไฟป่า น้ำท่วม ล้วนถูกอาชญากรไซเบอร์นำมาใช้ประโยชน์เพื่อหลอกลวง โดยเฉพาะเทศกาลวันหยุดเป็นช่วงเวลาที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เกิดความรู้สึก "อยากทำบุญและต้องการบริจาค" เทศกาลปีใหม่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับอาชญกรไซเบอร์ที่จะบรรลุตามแผนการที่วางไว้ นอกจากผู้ใจบุญที่ตอบกลับข้อความอีเมลลวงหรือเว็บไซต์ลวงซึ่งไม่ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใดแล้ว ยังจะต้องสูญเสียเงินหรือข้อมูลที่เป็นความลับไปแทนอีกด้วย

อันดับ 8 – บัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (อี-การ์ด): อาชญากรไซเบอร์มักจะใช้บัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีการ์ดเพื่อล่อลวงเหยื่อให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายในข้อความสแปม และนั่นอาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อตกอยู่ในอันตรายได้ การโจมตีประเภทนี้มักใช้ประโยชน์ของเทศกาลวันหยุด เมื่อมีผู้ใช้ส่งอีการ์ดมากขึ้น และคาดหวังว่าอีการ์ดที่ได้รับนั้นจะมาจากเพื่อนหรือญาติสนิท

อันดับ 7 - โฆษณามัลแวร์ (Malvertisements): อาชญากรไซเบอร์จะใช้โฆษณาและโปรโมชันของปลอม (เลียนแบบโฆษณาของจริง) เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ โดยอาศัยความเชื่อใจของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ที่มักสนใจเรื่องสินค้าราคาพิเศษ โฆษณาที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมสูงจะถูกใช้เป็นตัวกระตุ้นให้ดาวน์โหลด มัลแวร์ โดยเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Google, Expedia.com, Rhapsody.com, Blick.com และแม้แต่ MySpace มักถูกใช้เป็นที่แฝงตัวของแบนเนอร์โฆษณาที่เป็นอันตราย ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปดูก็จะดาวน์โหลดมัลแวร์ลงในระบบของผู้ใช้งานได้แสดงให้เห็นว่าโฆษณาที่เป็นอันตรายเหล่านี้ถูกฝังตัวอยู่ในแทบจะทุกแห่งบนโลกไซเบอร์

อันดับ 6 - ผลการค้นหาแหล่งช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาส (ที่เป็นอันตราย): ผลลัพธ์คำตอบที่มากับสคริปต์ที่เป็นอันตราย ทำให้เกิดภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ เช่น มัลแวร์ ฟิชชิ่งไซต์ ยูอาร์แอลอันตราย โดยผู้เขียนมัลแวร์จะเลือกช่วงเทศกาลต่างๆ ที่จะนำผู้ใช้งานไปยังผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายของตนได้ ในปี 2550 ผลของการค้นหาคำว่า "Christmas gift shopping" ถูกพบว่านำไปสู่มัลแวร์หลากหลายชนิดที่เป็นอันตราย และเมื่อเร็วๆ นี้ ผลของการค้นหาคำว่า "Halloween costumes" ถูกพบว่าแอบซ่อนซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของปลอมไว้

อันดับ 5 - เว็บไซต์สุดฮิต: จัดเป็นภัยคุกคามสำหรับผู้ใช้ออนไลน์ เพราะเป้าหมายหลักของการติดเชื้อจะเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ที่คาดว่าปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดเทศกาลที่กำลังจะมาถึง ซึ่งผู้ซื้อนิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ เช่น ร้านอาหารออนไลน์ เว็บไซต์ประมูล หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ อาชญกรไซเบอร์จะแพร่กระจายเชื้อไปยังเหยื่อโดยการเลือกเว็บไซต์ยอดนิยม และมีการเข้าชมสูง

อันดับ 4 - ข้อมูลส่วนบุคคล – บัตรของขวัญและโปรโมชัน (ของปลอม): ผู้ใช้ที่ชอบค้นหาของฟรีหรือโปรโมชันพิเศษบนเว็บนั้นเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในลักษณะนี้ได้ แบบสำรวจข้อมูลที่ดูเหมือนจะปลอดภัยนี้มักจะถูกใช้เก็บข้อมูลส่วนบุคคล ของรางวัล บัตรของขวัญ หรือแม้แต่เงินสดจะถูกใช้เพื่อล่อเหยื่อให้กรอกแบบสำรวจของปลอม โดยที่เหยื่อจะไม่ทราบว่านั่นคือ ฟิชชิ่งไซต์ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขโมยข้อมูลส่วนตัวที่เป็นความลับ

อันดับ 3 - อีคอมเมิร์ซฟิชชิ่ง: อีเบย์ (eBay) ถูกจัดอันดับให้เป็นร้านค้าปลีกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2550 มีผู้ใช้บริการมากกว่า 124 ล้านคน และอีเบย์ยังติดอันดับสูงสุดของเว็บไซต์ที่แฮคเกอร์นิยมใช้ทำเป็นเว็บไซต์ลวงด้วย นับจากการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจนถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ อาชญกรไซเบอร์จะใช้แผนการที่ชาญฉลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้ใช้เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ทางการเงิน

อันดับ 2 - โทรจันที่มาพร้อมใบรับสินค้า (ของปลอม): ข้อความต่างๆ จากผู้จัดส่งสินค้ายอดนิยม ซึ่งแจ้งทางอีเมลว่าไม่สามารถส่งมอบของให้ผู้รับได้ พร้อมแนบไฟล์ข้อมูลที่ดูเหมือนเป็นใบแจ้งหนี้ แต่จริงๆ แล้วเป็นข้อ ความสแปมที่จะล่อลวงผู้ใช้ให้ติดตั้งโทรจันลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ ปัญหาดังกล่าวค่อนข้างแยกแยะลำบากสำหรับนักช้อปออนไลน์ที่กำลังรอการจัดส่งสินค้าในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ UPS และ FedEx เป็นตัวอย่างของบริษัทผู้จัดส่งสินค้าที่อาชญากรไซเบอร์นิยมใช้เป็นเหยื่อล่อผู้ซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด

อันดับ 1 – ใบแจ้งราคาสินค้า (ปลอม): บางครั้งผู้ใช้งานอาจจะได้รับข้อความอีเมล์ที่แจ้งให้พวกเขาเปิด และพิมพ์ “ใบแจ้งราคาสินค้า” ที่ได้แนบมา ไฟล์ที่แนบมานั้นไม่ใช่ใบแจ้งราคาสินค้าของจริง แต่ว่าเป็นโทรจัน ผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์บ่อยๆ จะได้รับใบแจ้งราคาสินค้าอยู่แล้ว และถือเป็นเป้าหมายหลักของภัยคุกคามประเภทนี้ แต่ในทางกลับกันผู้ใช้ที่ไม่เคยซื้อสินค้าออนไลน์ และแน่ใจว่าไม่ได้ทำการสั่งซื้อสินค้าใดๆ ก็อาจจะสงสัยและเปิดไฟล์แนบท้ายดังกล่าว สแปมก็จะแพร่กระจายไปทั่ว ล่าสุดที่พบคือหนอนไวรัส WORM_OTORUN.C ดังนั้นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหรือ ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์จึงต้องระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้นระหว่างเลือกซื้อสินค้าออนไลน์

สรุปคือ ด้วยปริมาณและความสามารถของภัยคุกคามข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานจึงจำเป็นที่จะต้องมีการป้องกันข้อมูลแบบหลายระดับชั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เทรนด์ ไมโครจึงได้นำเสนอเทคโนโลยีเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะ (สมาร์ท โพรเทคชัน เน็ตเวิร์ค) ที่ช่วยปกป้องผู้ใช้งานจากภัยคุกคามต่างๆ อาทิ สแปม หรือยูอาร์แอลที่เป็นอันตราย และไฟล์อันตรายต่างๆ ด้วยจำนวนและความสามารถของภัยคุกคามทางเว็บที่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นที่จะต้องมีการปกป้องข้อมูลแบบหลายระดับชั้น และทันท่วงที ถ้าผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ต้องการได้รับความปลอดภัยจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางออนไลน์

credit :~ http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000155312

10 "มือถือทัชสกรีนโฟน"ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในปี 2009

10 "มือถือทัชสกรีนโฟน"ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในปี 2009

ตลอด ปี 2009 ที่ผ่านมา กระแสโทรศัพท์มือถือในรูปแบบหน้าจอสัมผัส หรือ ทัชสกรีนโฟน ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่ดูดี มีพื้นที่จอแสดงผลกว้างกว่าโทรศัพท์มือถือทั่วไป เหมาะสำหรับใช้งานด้านความบันเทิง และอินเตอร์เน็ต เกิดเป็นกระแสแฟชั่นโฟนขึ้นมาใหม่ จนค่ายมือถือต่างๆ ต้องผลิตมือถือหน้าจอสัมผัสออกมาแข่งขันกันหลายรุ่น และก่อนที่ปี 2009 จะผ่านพ้นไป เราได้เลือกโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสออกมา 10 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดในปี 2009

Nokia 5800 Xpress Music

เริ่ม ต้นปี 2009 ด้วยโทรศัพท์มือถือ Nokia 5800 Xpress Music ในราคาที่เปิดตัวเพียง 1 หมื่นต้นๆ เทียบกับคุณสมบัติแล้วถือว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มของโนเกียเลยก็ว่าได้ จึงทำให้มียอดจำหน่ายสูง และถูกพูดถึงกันมาก ขนาดเว็บบอร์ดแสดงความคิดเห็นรุ่นนี้ในเว็บไซต์สยามโฟนฯ ต้องแบ่งออกถึง 5 ภาค นอกจากจะเข้ามาคุยกันถึงการใช้งานแล้ว ยังมาพูดถึงเรื่องวัสดุการประกอบ ที่มีข้อบกพร่องจนถูกตั้งฉายาว่า "น้องอ้า" อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นข้อเสียเท่าไรนักเมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นและความ สวยงามที่โดนใจใครหลายคน

Sony Ericsson Satio

Sony Ericsson Satio มาพร้อมจุดเด่นที่กล้องถ่ายรูป ความละเอียดสูง 12 ล้านพิกเซล จึงเป็นรุ่นที่หลายคนเฝ้าจับจองเป็นเจ้าของ นอกจากความชัดเจนเรื่องกล้อง ด้านพลังเสียงก็ทำได้ดี พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ครบครันของระบบปฏิบัติการ Symbian ส่งผล Sony Ericsson Satio เป็นโทรศัพท์มือถือในฝันของใครหลายคน

Samsung star

ขณะ ที่ทัชสกรีนโฟนของค่ายอื่นตั้งราคาขายกันเป็นหลักหมื่น แต่ซัมซุงกลับผลิตทัชสกรีนโฟนรุ่นประหยัดออกมาในราคาเปิดตัวที่ถูกกว่าคู่ แข่ง ทำให้ซัมซุง สตาร์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถึงจะไม่ใช่สมาร์ทโฟน แต่ก็มีคุณสมบัติความบันเทิงครบครัน ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ จนต้องผลิตมือถือในตระกูลสตาร์ตามออกมาอีก 2 รุ่น คือ Star Wi-Fi กับ Star TV ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ลูกค้าหลายคนที่ซื้อรุ่นแรกไปมีอาการโกรธเคืองกันเล็กน้อย ถ้าหากรวมเอา Wi-Fi กับ TV ไว้ในเครื่องเดียวกัน สตาร์ คงจะเป็นสุดยอดทัชสกรีนโฟนในปี 2009 เลยก็ว่าได้

HTC Hero

ถ้า ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ HTC Hero เป็นคำตอบให้คุณได้ ด้วยระบบปฏิบัติการน้องใหม่ล่าสุดที่เรียกกันว่า Android รองรับแอปพลิเคชั่นจากกูเกิ้ลอย่างเต็มที่ สำหรับลูกค้าที่เน้นใช้งานด้านออนไลน์ นอกจากนี้ HTC Hero ยังได้รับรางวัล Gadget Awards 2009 จากนิตยสาร T3 ในประเทศอังกฤษ ให้คะแนนโดยผู้อ่านนิตยสารมากกว่า 135,000 คน

HTC HD2

เอ ชทีซีส่งท้ายปี 2009 ด้วย HTC HD2 วินโดวส์โฟน ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 6.5 ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon แรง 1 GHz มีจุดเด่นที่จอแสดงผลขนาดกว้าง 4.3 นิ้ว รองรับการขูดขีด สัมผัสสั่งการแม่นยำด้วย จอแสดงผลแบบ Capacitive คุณสมบัติครบครันตามมาตรฐาน Windows Mobile เสริมด้วย HTC SENSE รูปแบบการใช้งานบนหน้าจอหลัก เพิ่มความสวยงามให้ HTC HD2 ดูดีเหนือคู่แข่ง

LG BL40 Chocolate

นี่ คือแฟชั่นโฟนอย่างแท้จริง LG BL40 โทรศัพท์มือถือในตระกูล Chocolate Black Label Series รุ่นที่ 4 โดดเด่นด้วยจอแสดงผล ขนาดกว้างพิเศษแบบพาโนราม่า ทำให้ตัวเครื่องดูยาวไปด้วย อดเทียบไม่ได้กับรีโมทคอนโทรล แต่ถ้าสัมผัสเข้าไปในคุณสมบัติ จะพบว่า LG BL40 เป็นแฟชั่นโฟนที่มีคุณสมบัติครบครัน ไม่ได้สวยงามเพียงอย่างเดียว

BlackBerry Storm

ทัช สกรีนโฟนรุ่นแรกของค่ายแบล็คเบอร์รี่ เข้ามาวางจำหน่ายในไทยช่วงกลางปี ในราคาเปิดตัวเกือบ 3 หมื่นบาท ทำให้ถูกพูดถึงในแง่ลบมากกว่าเรื่องฟังก์ชั่น ถ้าใครมองข้ามเรื่องราคาค่าตัว จะสัมผัสได้ถึงความฉลาดที่แบล็คเบอร์รี่ทำไว้ให้ โดยเน้นไปที่การสัมผัสหน้าจออย่างแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยี SurePress แต่ก็ยังมีข้อกังขาว่าจอแสดงผลจะทนได้นานแค่ไหน เพราะดูเหมือนแผงหน้าจอจะหลุดออกมาทุกครั้งที่กด

i-mobile TV 658

มอง ผ่านๆ แล้วอาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร แต่ถ้าได้ใช้งานจะพบว่าไอโมบายก็มีดีเหมือนกัน กับกล้องถ่ายรูปความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ในราคาเปิดตัวไม่กี่พัน ทำให้ลืมมือถือจากแดนมังกรไปได้เลย ใครเป็นสาวกยี่ห้อนี้คงทราบกันดีว่าว่าทางไอโมบายพยายามมอบสิ่งที่ดีให้กับ ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติที่ครบครัน และบริการเสริมจาก i-Link จะพูดว่าเป็นมือถือของคนไทยเพื่อคนไทยก็คงไม่ผิด

WellcoM W9229 Tuxedo

ลง ทุนไปกับโฆษณาอลังการ เปิดตัวเหมือนกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด สมกับการดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้ใคร ฟังก์ชั่นครบครันคุ้มค่า ในราคาไม่แพง เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า ทำให้ WellcoM Tuxedo ถูกถามถึงการอย่างมาก สมกับเป็นขวัญใจชาวภูธร

iPhone 3GS

จะเรียกว่าเป็น ต้นแบบของมือถือทัชสกรีนก็ว่าได้ ถึงแม้ก่อนหน้านั้นจะมีมือถือจอสัมผัสใช้งานมาหลายปี แต่ไอโฟนถือว่าทำได้ดีกว่าใคร จากที่เคยใช้ปากกาจิ้มหน้าจอก็ลืมไปได้เลย เพราะเพียงใช้ปลายนิ้ว ก็ให้ความแม่นยำเกินพอ อีกทั้งยังรองรับ Multi-Touch สามารถสัมผัสหน้าจอเพื่อสั่งการได้ 2 จุด สะดวกในการดูรูปภาพ ชมเว็บไซต์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไอโฟน คือผู้สร้างกระแสทัชโฟนอย่างแท้จริง ดูได้จากโทรศัพท์มือถือเฮ้าส์แบรนด์หลายค่ายต่างก็ถอดแบบไอโฟนมาเหมือนกัน อย่างกันฝาแฝด

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ขนาดและความจุ

ขนาดและความจุ

แนวโน้มในการเพิ่มขึ้นของการพัฒนาฮาร์ดดิสก์

ความจุของฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปในปัจจุบันนั้นมีตั้งแต่ 20 จิกะไบต์ ถึง 1.5 เทระไบต์

  • ขนาดความหนา 8 inch: 9.5 นิ้ว×4.624 นิ้ว×14.25 นิ้ว (241.3 มิลลิเมตร×117.5 มิลลิเมตร×362 มิลลิเมตร)
  • ขนาดความหนา 5.25 inch: 5.75 นิ้ว×1.63 นิ้ว×8 นิ้ว (146.1 มิลลิเมตร×41.4 มิลลิเมตร×203 มิลลิเมตร)
ขนาดฮาร์ดดิสในอดีต
รุ่นและขนาดฮาร์ดดิสตั้งแต่ 8″ 5.25″ 3.5″ 2.5″ 1.8″ และ 1″

ปัจจุบันภายในปี 2551 มีประเภทของฮาร์ดดิสก์ต่อไปนี้

  • ขนาดความหนาขนาดความหนา 3.5 นิ้ว = 4 นิ้ว×1 นิ้ว×5.75 นิ้ว (101.6 มิลลิเมตร×25.4 มิลลิเมตร×146 มิลลิเมตร) = 376.77344cm³

เป็นฮาร์ดดิสก์ สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ Desktop PC หรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ Server ความเร็วในการหมุนจาน 10,000 7,200 5,400 RPM ตามลำดับ โดยมีความจุในปัจจุบันตั้งแต่ 80 GB ถึง 1 TB

  • ขนาดความหนา 2.5 = 2.75 นิ้ว× 0.374–0.59 นิ้ว×3.945 นิ้ว (69.85 มิลลิเมตร×9.5–15 มิลลิเมตร×100 มิลลิเมตร) = 66.3575cm³-104.775cm³

นิ้วเป็นฮาร์ดดิสก์ สำหรับคอมพิวเตอร์พกพา Notebook , Laptop ,UMPC,Netbook, อุปกรณ์มัลติมีเดียพกพา ความเร็วในการหมุนจาน 5,400 RPM โดยมีความจุในปัจจุบันตั้งแต่ 60 GB ถึง 320 GB

  • ขนาดความหนา1.8 นิ้ว: 54 มิลลิเมตร×8 มิลลิเมตร×71 มิลลิเมตร= 30.672cm³
  • ขนาดความหนา1 นิ้ว: 42.8 มิลลิเมตร×5 มิลลิเมตร×36.4 มิลลิเมตร
  • ขนาดความหนา0.85 นิ้ว: 24 มิลลิเมตร×5 มิลลิเมตร×32 มิลลิเมตร

ยิ่งมีความจุมาก ก็จะยิ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยความต้องการของตลาดในปัจจุบันที่ต้องการแหล่งเก็บข้อมูลที่มีความจุใน ปริมาณมาก มีความน่าเชื่อถือในด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และไม่จำเป็นต้องต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่ใหญ่กว่าอันใดอันหนึ่งได้นำไปสู่ ฮาร์ดดิสก์รูปแบบใหม่ต่างๆ เช่นกลุ่มจานบันทึกข้อมูลอิสระประกอบจำนวนมากที่เรียกว่าเทคโนโลยี RAID รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ที่มีลักษณะเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย เพื่อที่ผู้ใช้จะได้สามารถเข้าถึงข้อมูลในปริมาณมากได้ เช่นฮาร์ดแวร์ NAS network attached storage เป็นการนำฮาร์ดดิสก์มาทำเป็นเครื่อข่ายส่วนตัว และระบบ SAN storage area network เป็นการนำฮาร์ดดิสก์มาเป็นพื้นที่ส่วนกลางในการเก็บข้อมูล

เตือนผู้เล่นเฟซบุ๊คถูกหลอกโหลดโทรจัน

ไซแมนเทค พบการหลอกลวงบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ด้วยการให้เปลี่ยนพาสเวิร์ด แต่ได้โทรจันมาแทน เตือนอย่าคลิกลิงค์ที่ไม่น่าไว้วางใจ…

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคาม บริษัทไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ประกาศเตือนครั้งล่าสุด ว่า เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่สแปมเมอร์พุ่งเป้ามาที่เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เครือข่ายสังคมออนไลน์) ที่ดูน่าเชื่อถือ เพื่อล่อลวงเหยื่อที่ไม่ทันระวังตัว โดยครั้งนี้เป็นคราวของเว็บไซต์เฟซบุ๊ค (www.facebook.com) นั่นเอง ฝ่ายปฏิบัติการตอบสนองภัยคุกคามของไซแมนเทคพบว่า สแปมเมอร์อาศัยความนิยมของเฟซบุ๊ค มาเป็นช่องทางในการปล่อยไวรัส Trojan.Bredolab ที่เป็นไวรัสประเภทโทรจัน ที่แพร่กระจายไปสู่วงกว้างอย่างต่อเนื่องในปีนี้

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า โทรจันตัวนี้มีความสามารถในการโหลดแอพลิเคชัน ขโมยรหัสผ่าน บ็อท รูทคิท และโปรแกรมหลอกลวงต่างๆ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สแปมเมอร์ทำการหลอกลวงผู้ใช้ด้วยการส่งอีเมล์แจ้งเตือน เกี่ยวกับความผิดพลาดเรื่องของรหัสผ่านในการเข้าเฟซบุ๊ค โดยโน้มน้าวให้ผู้รับทำการเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ ด้วยการล่อลวงให้เข้าไปที่ zipไฟล์ ที่แนบมาเพื่อดูรหัสใหม่ ที่ใน zip ไฟล์ ที่ว่าจะแฝงไวรัส Trojan.Bredolab มาด้วย

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ไซแมนเทค ได้แนะนำการป้องกันภัยจากการถูกโจมตีในลักษณะนี้ ได้แก่ ก่อนจะคลิกเข้าไปที่ไหนก็ตาม ให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาคลิกลิงก์ที่ไม่ทราบที่มาควรจำไว้เสมอว่า ห้ามโต้ตอบกับอีเมล์ขยะ เพราะการตอบรับจะยิ่งทำให้สแปมเมอร์รู้ว่า อีเมล์ขยะที่ส่งหว่านออกไปมีผู้รับที่แท้จริง จะทำให้ได้รับอีเมล์ขยะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการคลิกลิงค์ในอีเมล์ขยะ เพื่อปฏิเสธการรับข้อความ จะยิ่งเป็นการยืนยันกับสแปมเมอร์ว่า มีคนเปิดอ่านอีเมล์ขยะ ควรลบอีกเมล์ขยะที่น่าสงสัยในทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ผู้ใช้งานควรมีอีเมล์เอาไว้ใช้หลายอัน สำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ โดยมีหนึ่งอีเมล์เอาไว้สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น ติดต่อกับครอบครัว และเพื่อนฝูง มีอีเมล์อีกหนึ่งอันเอาไว้รับข่าวสารต่างๆ และอีกหนึ่งอันเอาไว้สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต อีกทั้งระวังให้ดีก่อนที่จะกรอกอีเมล์แอดเดรสของคุณลงในเว็บ เพราะอีเมล์ของคุณที่โชว์อยู่บนเว็บเพจเหล่านี้ สามารถถูกอ่านได้ด้วยโปรแกรมบ็อทที่ทำหน้าที่คอยเก็บสะสมอีเมล์ตามเว็บเพจต่างๆ ทั้งนี้ติดตั้งระบบป้องกัน และต้องมั่นใจว่าโซลูชันรักษาความปลอดภัยที่คุณใช้นั้นมีการอัพเดทอยู่ตลอด เพื่อช่วยป้องกันอีเมล์ขยะ และไวรัสได้ ในขณะที่คุณสามารถรับอีเมล์อื่นได้ตามปกติ


มดเอง

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การค้นหา วันพฤหัส ที่ 17

Search Engine คืออะไร

ในโลกของ Internet ข้อมูลมีมากมายเหลือเกิน ถ้าจะใช้เวลาในการอ่านทุกสิ่งบน Internet คงต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคน
จริงแล้วเราคงไม่มีควมสนใจในทุกเรื่อง แต่คงสนใจเฉพาะเรื่องที่เราสนใจเท่านั้น จึงมีคนคิดเครื่องมือในการช่วยค้นหาข้อมูลที่
ต้องการ นั้นก็คือ Search Engine นั่นเอง
การค้นหาข้อมูลมีกี่วิธี ? มี 2 วิธีครับ

1. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory




วิธีการค้นหาข้อมูลแบบ Index นี้ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย วิธี Search Engine
โดยมันจะถูกคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน คุณสามารถที่
จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลง
มาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน
Index ว่าในแต่ละประเภท จัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด เมื่อคุณเข้าไปถึงประเภทย่อยที่คุณสนใจแล้ว ที่เว็บเพจจะ
แสดงรายชื่อของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ประเภทของข้อมูลนั้นๆออกมา หากคุณคิดว่าเอกสารใดสนใจหรือต้องการอยากที่จะดู
สามารถ Click ลงไปยัง Link เพื่อขอเชื่อต่อทางไซต์ก็จะนำเอาผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที นอกเหนือไปจากนี้
ไซต์ที่แสดงออกมานั้นทางผู้ให้บริการยังได้เรียบเรียงโดยนำเอา Site ที่มีความเกี่ยว ข้องมากที่สุดเอามาไว้ตอนบนสุดของ
รายชื่อที่แสดง


2. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine



วิธีการอีกอย่างที่นิยมใช้การค้นหาข้อมูลคือการใช้ Search Engine ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้
หลักการทำงานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Index ลักษณะของมันจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาลที่
กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบน Internet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับขั้นของความสำคัญ การใช้งานจะเหมือนการสืบค้น
ฐานข้อมูล อื่นๆคือ คุณจะต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป ค้นหานั้นๆเข้าไป
จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Site ต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา

หลักการค้นหาข้อมูลของ Search Enine
สำหรับหลักในการค้นหาข้อมูลของ Search Engine แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าทางศูนย์บริการ
ต้องการจะเก็บข้อมูลแบบไหน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีกลไกใน การค้นหาที่ใกล้เคียงกัน หากจะแตกต่างก็คงจะเป็นเรื่อง
ประสิทธิภาพเสียมากกว่า ว่าจะมีข้อมูล เก็บรวบรวมไว้อยู่ในฐานข้อมูลมากน้อยขนาดไหน และพอจะนำเอาออกมาบริการให้กับ
ผู้ใช้ ได้ตรงตามความต้องการหรือเปล่า ซึ่งลักษณะของปัจจัยที่ใช้ค้นหาโดยหลักๆจะมีดังนี้

1. การค้นหาจากชื่อของตำแหน่ง URL ใน เว็บไซต์ต่างๆ
2. การค้นหาจากคำที่มีอยู่ใน Title (ส่วนที่ Browser ใช้แสดงชื่อของเว็บเพจอยู่ทางด้าน ซ้ายบนของหน้าต่างที่แสดง
3. การค้นหาจากคำสำคัญหรือคำสั่ง keyword (อยู่ใน tag คำสั่งใน html ที่มีชื่อว่า meta)
4. การค้นหาจากส่วนที่ใช้อธิบายหรือบอกลักษณะ site

การค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine

1. เปิดเว็บไซด์ที่ให้บริการ
2. ใส่คำ (keyword) ที่คุณต้องการจะค้นหาลงไปในช่องยาวๆ (text box) ที่มีสร้างเอาไว้ให้
3. คลิ๊กที่ปุ่ม ค้นหา (กรณีเลือก Search Engine ที่อื่นอาจจะไม่ได้ใช้คำนี้ก็ได้ แล้วแต่ที่คุณเลือก

โปรแกรมจะเริ่มค้นหาคำนั้นๆให้ ตอนนี้คุณก็รอสักพักนึงก่อน จากนั้นรายชื่อของเว็บเพจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ระบุจะ
ถูกแสดงออกมาในรูปแบบของลิ้งค์พร้อมคำอธิบายประกอบนิดหน่อย ให้เราอ่านเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่ามันเกี่ยวข้องกับ
ข้อมูลที่เราต้องการหรือเปล่า ส่วนใหญ่ข้อมูลที่พบมีมากจนเกินกว่าที่จะแสดงให้เห็นหมดในหน้าเดียว มันจะมีตัวแบ่งหน้า
ให้เราทางด้าน ล่างสำหรับเลือกไปดูรายละเอียดส่วนอื่นๆที่เหลือในหน้าถัดๆไป แต่โดยมากแล้วข้อมูลที่ใกล้เคียง กับคำที่เรา
ต้องการมากที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นๆ ของรายการแรกที่ Search Engine นั้นๆตรวจพบ



นอกจากการค้นหาข้อมูลแล้ว Search Engine บางที่ ยังสามารถค้นหา รูปภาพ ได้อีกด้วยครับ
การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้นมักจะได้ผลลัพธ์ออกมากว้างๆชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก บางครั้งข้อมูลที่ ค้นหามา
ได้อาจมีถึงเป็นร้อยเป็นพัน Site แล้วมีใครบ้างหละที่อยากจะมานั้งค้นหาและอ่านดูที่จะเพจ ซึ่งคง ต้องเสียเวลาเป็นวันๆแน่
ซึ่งก็ไม่รับรองด้วยว่าคุณจะได้ข้อมูลที่คุณต้องการหรือไม่ ดังนั้นจิงมีหลักในการค้น หา เพื่อให้ได้ข้อมูลใกล้เคียงความเป็นจริง
มากที่สุด

ค้นหาคำในหน้าเว็บเพจด้วย Browser

การค้นหาคำในหน้าเว็บเพจนั้นจะใช้สำหรับกรณีที่คุณเข้าไปค้นหาข้อมูลที่เว็บเพจใด เว็บเพจหนึ่ง แล้วภายในมีข้อความ
ปรากฏอยู่เต็มไปหมด จะนั่งไล่ดูทีละบรรทัดคงไม่สะดวก ในลักษณะนี้เราใช้ใช้ browser ช่วยค้นหาให้ คือ

1. ขึ้นแรกให้คุณนำ mouse ไป click ที่ menu Edit
2. แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find (on This Page) หรือกดปุ่ม Ctrl + F ที่ keyboard ก็ได้
3. จากนั้นใส่คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next
โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้นๆ
ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้ อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ




ข้อแตกต่างระหว่าง Index และ Search Engine
คำตอบก็ คือวิธีในการค้นหาข้อมูลแบบ Index เค้าจะใช้คนเป็นผู้จัดรวบรวมและทำระบบฐานข้อมูลขึ้นมา
ส่วนแบบ Search Engine นั้นระบบฐานข้อมูลของมันจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานทางด้านนี้
โดยเฉพาะมาเป็นตัวควบคุมและจัดการ ซึ่งเจ้า Software ตัวนี้จะมี ชื่อเรียกว่า Spiders การทำงานข้องมันจะใช้วิธีการเดิน
ลัดเลาะไปตามเครือข่ายต่างๆที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่เต็มไปหมดใน Internet เพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ รวมทั้งยัง
สามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน Site เดิมที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง จากนั้นมันก็จะนำเอาข้อมูล
ทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนอัตโนมัติ ยกตัวอย่างของผู้ให้บริการประเภทนี้เช่น Excite , google
เป็นต้น

ที่มา : http://www.kemapat.ac.th/searchengine.htm

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะสมองเสื่อมกับไข่ไก่

เรื่องที่มีการการสนทนากันนั้น พอจับใจความหลักๆ ได้ว่า ... จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวันนั้น จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ทางคุณหมอบอกว่าอยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่มากด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด การที่หลายๆคนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อยหรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละอย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษาผู้สูงอายุหลายๆคนที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ก็กลับมาเดินได้ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ , ไข่เป็ด , ไข่นกกระทา , และอีกหลายๆชนิด แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดง ที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ ( หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้ ก็ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อย เพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุดก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง , สหรัฐอเมริกา , ฯลฯ คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สวีเดนให้บริการ 4G คนแรก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2552 16:00 น.


TeliaSonera โอเปอเรเตอร์แดนสวีเดนประกาศติดตั้งระบบเครือข่ายข้อมูลโทรศัพท์มือถือเทคโนโลยี 4G ในกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนและกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์แล้ว การติดตั้งนี้ทำให้ TeliaSonera กลายเป็นผู้ให้บริการรายแรกในโลกที่ลงมือให้บริการ 4G ในเชิงพาณิชย์

ตามทฤษฎี เทคโนโลยี 4G จะทำให้โทรศัพท์มือถือสามารถรับส่งข้อมูลในระดับ 100Mbps ได้ แต่ TeliaSonera ประชาสัมพันธ์ว่า บริการ 4G ของบริษัทสามารถรับส่งข้อมูลความเร็ว 20-80Mbps เท่านั้น

เมื่อคำนวณแล้ว พบว่าความเร็วขั้นต่ำของ 4G นั้นทันใจกว่าความเร็วสูงสุดของ 3G หลายเท่าตัวนัก หากคำนวณจากความเร็วเฉลี่ย 7.2Mbps ของเครือข่าย 3G ในประเทศไทย 4G ก็จะมีความเร็วกว่าราว 3 เท่าตัว (เมื่อคิดจากความเร็วต่ำสุดคือ 20Mbps)

ยังมีข้อสังเกตว่า อุปกรณ์เทคโนโลยี 4G ที่ไม่แพร่หลายในตลาดขณะนี้จะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ทำให้ตลาด 4G ไม่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าโทรศัพท์มือถือ 4G หลายรุ่นจะเปิดตัวมากขึ้นในปี 2010 ตามทิศทางของโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของโลกที่ล้วนมีแผนพัฒนาเครือข่าย 4G ทั้งสิ้น

นอกจากสวีเดนและนอร์เวย์ TeliaSonera ระบุว่าได้รับใบอนุญาตให้บริการเครือข่ายข้อมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G ในประเทศฟินแลนด์ด้วย ซึ่งคาดว่า จะได้ฤกษ์เปิดตัวบริการในเร็ววันนี้

Company Related Links :
TeliaSonera

ปล.ได้ข่าวว่าเมืองไทยเพิ่งเอา 3G เข้ามา เหอะๆ --.

ป๋วย ^^*

ไวรัสคอมพิวเตอร์

ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือส่วนหนึ่ง ของรหัสคำสั่งที่ทิ้งไว้
เพื่อทำความเสียหายซึ่งจะพบแนบอยู่กับไฟล์ ในอดีต ไวรัสเกิด
จากผู้พัฒนา ซอฟแวร์ที่ต้องการป้องกันการถูก ละเมิดลิขสิทธิ์โดยการ
Copy จึงได้สร้างโค้ดที่มี ไวรัสขึ้น พร้อมกับกำหนดเวลาในการ
ทำลายโปรแกรม หากผู้ใช้ต้องการใช้งานโปรแกรมต่อ ก็ต้อง
ชำระเงินค่าลิขสิทธิ์ ทางผู้ผลิตก็จะส่ง Code ที่ ใช้ในการทำลาย
ไวรัส มาให้

ติดตามตอนต่อไปอาทิตย์หน้า

ที่มา http://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=372952#knowledge01

เมธี 5115078

วิธีแก้ windows ปลอม

วันนี้มาดูวิธีแก้ windows เนื่องมาจากการ update patch ของ microsoft ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี
แต่ขอเสนอวิธีที่ง่ายๆ และได้ทดสอบมาแล้วให้เพื่อนๆ ชาว asiamediasoft ได้ทดลองกันดู

แต่อย่างไรก็ตามวิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คงซื้อของถูกลิขสิทธิ์กันดีกว่า

ไปเปิด Windows Task Manager. โดยการกด Ctrl + Alt + Del นะค่ะ
ทำการปิด process ที่ชื่อว่า wgatray.exe process ใน Task Manager.
Restart Windows XP หนึ่งรอบและให้เข้า Safe Mode ค่ะ
ตอนนี้อยู่ใน Safe Mode ให้ไปลบไฟล์ที่ชื่อ WgaTray.exe ที่อยู่ในโฟล์เดอร์ c:\Windows\System32 และ c:\Windows\System32\dllcache.
หลังจากทำการลบไฟล์ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ไปที่Start และพิมพ์ RegEdit.
ให้ค้นหาโฟล์เดอร์ที่ชื่อ
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft
Windows NT\CurrentVersion\Winlogon\Notify
หลังจากเจอแล้วให้ทำการลบโฟล์เดอร์ที่ชื่อ WgaLogon และทั้งหมดของมันที่อยู่ใต้โฟล์เดอร์นี้ (ตรวจดูชื่อให้ดีก่อนทำการลบนะค่ะ)

หลังจากลบเรียบร้อยแล้วให้ทำการ Restart เข้าใช้งานปกติ

แค่ 7 ขั้นตอนง่ายๆ แค่นี้ก็จะแก้ปัญหาการใช้ windows ปลอมได้แล้ว

ที่มา:asiamediasoft
หัสดาภรณ์(อีฟ)

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

blogคืออะไร

Blog เป็นคำเรียกสั้นๆ ของคำว่า WeBlog ซึ่งบ้างก็อ่าน We Blog หรือบ้างก็อ่านว่า Web log จะอ่านต่างกัน แต่ทั้งสองคำคือสิ่งเดียวกัน คือ Blog (บล็อก) นั่นเอง

ความหมายของคำว่า Blog ก็คือ Website ชนิดหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหรือ Entry จะถูกเขียนตามลำดับเวลา และแสดงผลย้อนกลับตามลำดับวันเดือนปี หมายความว่า เนื้อหาที่เราเขียนล่าสุดจะแสดงเป็นลำดับแรก ...งงมั๊ย? พูดง่ายๆ ก็คือ "เขียนก่อน แสดงสุดท้าย หรือล่างสุด ...เขียนทีหลัง แสดงอยู่ตำแหน่งแรก หรือส่วนบนสุดของหน้าเลย"
เนื้อหาของ Blog จะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง เป็นต้นว่า ความคิดเห็นหรือเรื่องราวส่วนตัว ข่าวหรือบทความเฉพาะด้านต่างๆ เช่น เรื่องเกี่ยวกับอาหาร การเมือง กีฬา บันเทิง สิ่งที่ชอบ ของสะสม หรือข่าวท้องถิ่น การงานบางอย่าง ...มากกว่าจะเป็นไดอารีออนไลน์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว
ใน Blog หนึ่งก็จะประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ และจุดเชื่อมโยง (Link)เพื่อเชื่อมโยงไปยัง Blog อื่น Webpage อื่น และสื่อ(media)ชนิดอื่นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรื่องนั้นๆ ที่ Blog นำเสนออยู่
จุดเด่นของ Blog ส่วนมากก็คือ การแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ และในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้แสดงความคิดเห็นกลับ (Comments) ได้ด้วย ...ซึ่งลักษรณะแบบนี้จะมีส่วนคล้ายกับ Webboard แต่ Blog จะแตกต่างจาก Webboard ตรงที่ เราสามารถจัดการหน้าของ Blog ได้เอง เหมือนเราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ (ซึ่งก็ใช่จริงๆหละ) ที่จะทำการเปลี่ยนแปลงส่วนไหน เมื่อไรย่อมสามารถทำได้
รูปแบบดั้งเดิมของ Blog ส่วนใหญ่คือ กล่าวเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น เกี่ยวกับภาพถ่าย(Photoblog), ภาพเขียน(Sketchblog), วีดิโอ (vlog), เพลง (MP3 blog), หรือ audio (Podcasting), และเป็นส่วนหนึ่งของ Social media
(อ้างอิงจาก : http://en.wikipedia.org)
ที่นี้หากเราจะเขียน Blog เราก็ต้องขอใช้บริการจากผู้ให้บริการ ที่เรียกว่า Blog Host ซึ่งมีทั้งฟรีและเสียเงิน ..อันนี้แล้วแต่เราจะเลือกครับ โดยเราต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายเจ้า เช่น
ของไทย เช่น

* www.storythai.com
* www.Bloggang.com
* http://blog.sanook.com
* www.exteen.com
* http://weblog.manager.co.th
* ฯลฯ

ของต่างประเทศ เช่น

* www.blogger.com
* www.typepad.com
* http://www.wordpress.org
* http://spaces.msn.com
* www.myspace.com
* ฯลฯ

...เหล่านี้เป็นต้น และเมื่อเราได้ Account หรือพื้นที่สำหรับเขียน Blog มาแล้ว ก็ลงมือเขียนตามรูปแบบของ Blog แต่ละเจ้า ซึ่งจะมีเครื่องมือ (Tool) ในการสร้าง Blog ที่แตกต่างกันออกไป ...อันนี้ต้องศึกษาเป็นรายๆ ไป หรือหากเราเก่ง และเจ๋งพออาจสร้าง Blog Host ขึ้นมาใช้งานเองก็ได้เช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การเลือกซื้อ CPU

การเลือกซีพียูมีขั้นตอนง่ายๆในการพิจารณาคือ “ประสิทธิภาพที่คุ้มค่าต่อการใช้งานของคุณ” กล่าวคือ การจะเลือกซีพียูนั้นให้มองที่การใช้งานประจำวันของคุณเป็นหลัก

ผู้ใช้มือใหม่ เน้นราคาประหยัด
ในกลุ่มของผู้ที่เริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์และต้องการความประหยัด รวมถึงการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ตั้งแต่ซอฟแวร์สำนักงานสเปรดซีต ดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การประมวลผลซับซ้อน และส่วนใหญ่จะประกอบเป็นพีซีในราคาประมาณ 10,000-15,000 บาท โดยซีพียูในกลุ่มดังกล่าวนี้ มีหลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่ Celeron D/ Celeron –L/Pentium 4 จากค่าย Intel และ Sempron64/Athlon64จากทาง AMD ด้วยสนนราคาตั้งแต่ 1,000-2,500 บาท แต่ในกรณีที่มีงบประมาณสูงขึ้น Pentium Dual Core Athlon 64X2ก็นับเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากทีเดียวในขณะนี้

ซีพียูที่น่าสนใจในกลุ่มนี้
Celeron D 420:1.60GH,512KBL2,800MHz,Socket775 ราคา1,300บาท
Athlon 64LE-1600:2.20GHz,102KBL2,SocketAM2ราคา1,750 บาท
Pentium Duo Core E2140:1.60GHz,1024KB L2,800MHz bus,Socket775 ราคาประมาณ 2,550 บาท

กลุ่มนักเล่นเกมตัวยง
ในกลุ่มของนักเล่นเกม แม้ว่า ณ วันนี้กราฟิกการ์ดจะเข้ามามีบทบาทมากก็ตาม แต่ลำพังเพียง GPU (Graphic Processing Unit) ไม่ได้ทำให้ภาพโดยรวมที่เกิดขึ้นระหว่างการเล่นเกมได้สมบูร์เนื่องจากหากขาดซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูงไปแล้ว การประมวลผลในด้านของการสร้างองค์ประกอบต่า ๆภายในภาพและการคำนวณพื้นผิวและสร้างโพลิกกอนก็จะลดลง ซึ่งอาจเกิดอาการกระตุกของภาพ ดังนั้นแล้วซีพียูย่อมเข้ามามีบทบาทอย่างมากสำหรับนักเล่นเกมที่เน้นความสวยงามและความต่อเนื่อง โดยในตลาดเวลานี้ก็มีซีพียูอยู่หลายรุ่นด้วยกันที่ช่วยให้การเล่นเกมมีอรรถรสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซีพียูจากค่ายอินเทลที่ประด้วย Core 2Duo ในรหัส E4xxx,E6xxx และE8xxxรวมถึง Core2Extreme สำหรับค่ายAMD ก็มีให้เลือกทั้ง Athlon 64X2 และAthlon64FX

ซีพียูที่น่าสนในกลุ่มนี้
Intel Core 2 Duo E6550 :2.33GHz,4MBL2,13333MHz bus,Socket775,ราคาประมาณ 6,000 บาท
Athlon64X25000+:2.60GHz.512KBx2L2,SocketAM2,ราคาประมาณ4,400 บาท
Athlon64FX-62:2.80GHz,1MBx2L2,SocketAM2, ราคาประมาณ 12,000 บาท

cpu

ข้อสังเกต
ซีพียู่ในกลุ่มของ Core 2 Duo จะมีให้เลือก 2 รูปแบบในซีรีส์เดียว ตัวอย่างเช่น E6850 ซึ่งทั้งคู่จะมีความคล้ายคลึงกันมาก ต่างกันเพียงระบบบัสที่เปลี่ยนจาก 1066MHz มาเป็น 1333MHz แต่ปัจจุบันจะมีเพียง E6550/E6750 และ E6850 ที่จำหน่ายอยู่เท่านั้น

การใช้งานกราฟิกเป็นหลัก
ในบรรดากลุ่มผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกันนั้น กลุ่มของงานกราฟิกและการตัดต่อ นับเป็นกลุ่มที่ต้องการศักยภาพในการทำงานสูงสุด เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นระบบการเข้ารหัสไฟล์วิดีโด การตัดต่อภาพ การเรนเดอร์ออปเจ็กต์สามมิติที่มีขนาดใหญ่ ล้วนแต่พึ่งการทำงานของซีพียูเป็นหลัก ดังนั้นแล้วซีพียูที่ใช้ต้องสามารถตอบสนองต่อการประมวลผลที่ซับซ้อนได้ด ีและมีเทคโนโลยีที่รองรับโปรแกรมเฉพาะทางเหล่านี้ได้ด้วยซึ่งซีพียูที่รองรับการทำงานได้ดีในด้านนี้มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Intel Core 2Quad หรือ AMD Phenom ที่เป็นแบบ Quad Core ที่เพิ่งวางจำหน่ายช่วงปลายปี 2550 มานี้

ซีพียูที่น่าสนใจในกลุ่มนี้
Intel Core 2 Extreme 9650:3.00GHz,12MB L2 1333MHz bus,Socket 775
Intel Core 2 Quad Q6600:2.40GHz,2MBx4L21066MHz bus, Socket 775 ราคาประมาณ 9,690 บาท
AMD Phenom X4 9500 Quad Core :2.20GHz,512KBx4 L2,Socket AM2+ราคาประมาณ 6,900 บาท

ผู้ที่ชอบความเงียบของไร้เสียงรบกวน
ผู้ใช้กลุ่มนี้ จะเน้นการทำงานในระดับกลาง สำหรับการชมภาพยนตร์ในแบบโฮมเธียเตอร์และเพียงพอสำหรับการเล่นมีเดียไฟล์คุณภาพสูง (Hi-Def) กลุ่มนี้จัดเป็นกลุ่มที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันมากทีเดียว ด้วยรูปแบบของซีพียูที่กินไฟน้อย เกิดความร้อนต่ำจึงทำให้ออกแบบการระบายความร้อนได้ง่ายขึ้น รวมถึงการใช้พัดลมน้อยลงเกิดเสียงดังรบกวนที่น้อยเนื่องจากมีเทคโนโลยี Enhance SpeedStep หรือ Cool”n Quietจึงลดความร้อนในการทำงานลง สามารถใช้ในเคสคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กได้อีกด้วย ซีพียูที่น่าสนใจมีด้วยกันหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Athlon X2 BE2xxx Series หรือซีพียูรุ่นใหม่จากอินเทลในแบบ 45nm ก็ตาม

โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกด้วย

by มดเอง

วิธีง่ายๆ เช็คว่าใครBlockเราในMSN

MSN Block Checker เป็น service สำหรับตรวจสอบสถานะการ Block msn ของฝ่ายตรงข้าม โดยปรกติแล้ว MSN เมื่อฝ่ายตรงข้าม Block อีเมล์ของเราแล้ว สถานะของฝ่ายตรงข้ามนั้นจะถูกแสดงเป็น offline ดังนั้น เราจึงไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า เค้าออนไลน์ หรือ ออฟไลน์อยู่

ระบบการตรวจสอบว่า Block หรือไม่นั้น อาศัยระบบเชื่อมต่อ Login เข้าไปยัง Server ของ MSN เหมือนว่า Bot ของเราเป็น User หนึ่งคนที่ signin เข้าไปใช้งานตามปรกติ ดังนั้น จึงสามารถดูได้ว่า ทางฝ่ายตรงข้ามนั้น Online อยู่หรือไม่

สำหรับการใช้งาน ให้กรอกชื่อ อีเมล์ของคนที่คุณต้องการจะ check ลงในช่อง และกด check รอสักครู่ เพื่อดูผลนะครับ
หากผลที่ได้ เป็น Online แต่ใน list คุณเห็นเค้า offline นั่นหมายความว่าเค้า Block คุณแล้ว ดังนั้น เมล์ไปขอโทษกันซะนะครับ หุหุ
ส่วนถ้า เห็นเป็น offline ก็ยังไม่ต้องวิตกกังวลไปนะครับ เพราะนั่น แสดงว่า เค้ายังไม่ออนไลน์

สุดท้าย ถ้าผลออกมาเป็น unknow หรือ ระบุไม่ได้ นั่นแสดงว่า ระบบไม่สามารถเข้าระบบตรวจสอบได้

หมายเหตุ ระบบของ Mthai MSN Block Checker นั้น ไม่สามารถตรวจสอบได้ หากผู้ใช้ท่านนั้นให้ อีเมล์อื่นๆ ในการ signin msn เช่น username@gmail.com เป็นต้น

นอกจากนี้ หากท่านต้องการเช็ค Block อย่างรวดเร็วสามารถใช้ ลิ้งค์ในรูปแบบของ

http://tech.mthai.com/msn-block-checker.php?email= และตามด้วย อีเมล์ ที่ต้องการเช็ค
เช่น http://tech.mthai.com/msn-block-checker.php?email=service@hotmail.com เป็นต้น

พัณณิตา(นุ้ย)

รู้ไว้ไม่เสียหาย .. เกี่ยวกับ SD Card

วันนี้จะมาให้เกล็ดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี SD Card (รวมถึง MicroSD ฯลฯ)นะครับ

เพื่อนๆเคยสังเกตเห็น คำเหล่านี้รึป่าว..

"SDHC"
"SDXC"
"Class 4"
"Class 6"

ก็คง งง เอ๊ะ มันคืออะไร ?? ต่างกันยังไง ?? มีผลกับยังไงกับอุปกรณ์ของเรา..??

จริงๆแล้วมันเป็นตัวแบ่งเกรด ให้กับ SD, MicroSD ของเรา..

ซึ่งการแบ่งเกรด จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ ครับ..

I ). แบ่งตามความจุ ซึ่งปัจจุบันเท่าที่เห็นจะมีอยู่ 3 แบบ

1.1 SD (Secure Digital).. ใช้กับSD Card ที่หน่วยความจำไม่เกิน 4GB ครับ
1.2 SDHC (Secure Digital High Capacity).. จะมีความจุตั้งแต่ 4GB จนถึง 32 GB
1.3 SDXC (Secure Digital eXtended Capacity) .. จะมีความสามารถจุได้ตั้งแต่ 32 GB ขึ้นไปจนถึง 2 TB ครับ

ซึ่งในปัจจุบัน จะเห็น SD กับ SDHC ซะส่วนใหญ่ ยังไม่มี SDXC ออกมาให้เห็นเลย..


II ). แบ่งตามความเร็วในการรับส่งข้อมูล (Class)
อันนี้น่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วนะครับ ว่ามีทั้ง "Class 4" "Class 6"
ต่างกันยังไงน่ะเหรอ.. ตามรูปนี้ครับบ




ยิ่ง Class สูง ความเร็วในการรับส่งข้อมูลยิ่งเร็วครับ..

แต่ จากประสบการณ์ที่ใช้มา การรับส่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่มีผลกับเครื่องโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น PSP มากนัก (อาจจะมีบ้าง..) แต่มักจะใช้เพื่อการรับส่งข้อมูลเวลานำ SD Card ต่อเข้ากับ คอมพิวเตอร์โดยตรงครับ..

แต่ในกรณที่เอา SD Card ใส่โทรศัพท์หรืออุปกรณ์แล้วใช้สาย USB ต่อเข้าคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ไม่มีผลเหมือนกันนะครับ

สำหรับ Class 2 และ Class 4 จะพบเห็นได้ทั่วไปมากมาย..
Class 2 มักใช้กับ หน่วยความจำที่ไม่เกิน 4 GB
Class 4 มักใช้กับหน่วยความจำตั้งแต่ 4 GB ขึ้นไป..

แต่ในส่วน Class 6 เท่าที่เห็นมา จะเคยเห็นแต่ของ Sandisk 4 GB แต่ก็ราคาจะแพงกว่าอยู่ประมาณนึงครับ..

ตามนี้ล่ะครับ.. คิดว่าคงพอทำให้เพื่อนๆได้รับความรู้ ไม่มากก็น้อยนะครับ

cradit : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=classified-infomation&month=11-12-2009&group=3&gblog=1

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มความเร็วให้ Windows

Windows ใครทำงานช้าบ้างเชื่อว่าปัญหานี้

เป็นปัญหายอดฮิตของอีกหลายๆ คนที่ใช้งาน Windows? นอกเหนือจากปัญหาของไวรัสแล้ว เรามีวิธีจัดการปัญหาของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน Windows ที่จู่ๆ ก็เกิดทำงานช้าลงได้ โดยการตรวจสอบและจัดการ Memory ของโปรแกรมต่างๆ ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน?ผ่านทาง Windows Task Manager


วิธีการตรวจสอบการใช้ Memory ของแต่ละโปรแกรม


1.เปิดโปรแกรมต่างๆ ที่ใช้งานเป็นประจำ หรือโปรแกรมที่ต้องการตรวจสอบ
2.กดปุ่ม Ctrl + Alt + Delete เพื่อเปิดโปรแกรม "Windows Task Manager"
3.คลิกแท็ป Processes
4.ที่คอลัมภ์ "Mem Usage" ดูว่าโปรแกรมตัวไหน ใช้ Memeory มากน้อยเท่าไหร่
5.ตัวอย่างโปรแกรม "EasyWallpaerCh.." คือโปรแกรมสำหรับเปลี่ยน wallpaper อัตโนมัติ โปรแกรมนี้ใช้ memory ไป 4,776 KB ถ้าไม่ต้องการสามารถคลิกเลือก และกดปุ่ม End Process ได้เลย

ทิป การตรวจสอบ
-ตัวเลขของการใช้งาน Memory ยิ่งมาก ยิ่งทำให้เครื่องทำงานช้าลง หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจทำให้เครื่องแฮ้งค์ได้
-เราสามารถสั่ง End Process ด้านล่าง ถ้าเราเข้าใจว่า โปรแกรมนั้น ทำให้เครื่องช้า หรือใช้ Memory มากเกินไป (ควรแน่ใจว่าโปรแกรมนั้น ใช้ทำอะไรก่อนน่ะครับ เพราะถ้าสั่ง End Process ผิดไป อาจทำให้ Windows รีสตาร์ทใหม่ก็ได้
-แนะนำให้ตรวจสอบโปรแกรมที่เรามีการติดตั้งใหม่ว่า กิน Memory มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะกับโปรแกรมที่เป็นพวก Utility ทั้งหลาย ถ้าไม่จำเป็นก็ให้ uninstall เลยจะดีกว่าครับ

CREDIT : http://www.it-guides.com/index.php/tips-a-techniques/34-windows-tips/851-manage-windows-memory-by-yourself

PANISA

ระบบ 3G คืออะไร / เทคโนโลยี 3G หมายถึง / ความเร็ว 3G

เทคโนโลยี 3G พัฒนามาจากอะไร ระบบ 3G คืออะไร และมี ความเร็ว เท่าไร
ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่น

สำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+

HSDPAนั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps. ( ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น )
HSUPAจะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps

สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้

คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 900 จะถูกพัฒนาโดย AIS (ใช้ชั่วคราวที่เชียงใหม่ และ Central World)
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 กำลังรอ กทช. ทำการประมูลเพื่อจัดสรรคลื่นความถี่
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 และ 2100 จะถูกพัฒนาโดย TOT

ดังนั้นการเลือกซื้อ AirCard , Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น

ที่มา: http://www.aircardshop.com/AIRCARD-NETSIM-EDGE-3G-AIS-DTAC-4-8.html

12 /12 /2009

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

5 วิธีจัดการกับอีเมล ที่จะช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น

ทุกวันนี้ใครไม่มีอีเมลใช้ถือว่าล้าหลังอย่างมาก อีเมลเข้ามามีบทบาทในการติดต่อสื่อสารอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันให้ทั้งความสะดวกและรวดเร็วกว่าการส่งทางไปรษณีย์เป็นไหน ๆ ช่วยร่นเวลา
ไม่ว่าระยะทางจะไกลเพียงไหนก็ส่งได้ไวเพียงอึดใจเดียว ด้วยความที่อีเมลช่างรวดเร็ว และเชื่อมต่อกัน
ได้ทั่วโลก วัน ๆ หนึ่งจึงมีอีเมลเข้ามาในกล่องอินบ๊อกซ์มากมาย หากไม่รู้จักจัดระเบียบ บริหารอีเมล
จำนวนมากนั้นแล้ว ความยุ่งยากในการค้นหาอีเมลที่จำเป็นท่ามกลางกองอีเมลนับร้อยในแต่ละวันย่อม
จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคุณอย่างแน่นอน 5 วิธีต่อไปนี้จะช่วยในการจัดระเบียบอีเมลของคุณ

1. เลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งาน

คุยกับเพื่อนใช้ฟรีอีเมลอย่าง hotmail, yahoo หรือ Gmail แต่ถ้าในสำนักงานควรใช้โปรแกรม
อีเมลขององค์กรปลอดภัยกว่าฟรี อีเมล ปกป้องความลับทางธุรกิจได้ดีกว่า แถมยังมีฟีเจอร์ให้เลือก
ใช้หลากหลายกว่า

2. เคลียร์อีเมล ตั้งโฟลเดอร์ย่อย

ควรเคลียร์อีเมลเป็นประจำ แยกเรื่องงานกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานออกจากกัน โดยอาจตั้ง
โฟลเดอร์ย่อยให้เป็นหมวดหมู่ เช่นแบ่งตามชื่อโปรเจ็กต์ หรือชื่อผู้ส่ง จากนั้นตั้งค่าฟิลเตอร์ เพื่อให้ระบบ
แยกอีเมลที่ต้องการไปเข้าในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้ามารวมกันอยู่ในอินบ็อกซ์
ที่เดียว ทำให้คุณสามารถค้นหาอีเมลที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น รวมทั้งคัดกรองเมลที่ไม่จำเป็น เช่น
สแปมเมล ฟอร์เวิร์ดเมลออก อินบ็อกซ์ของคุณก็จะน่าดูขึ้น ไม่รกรุงรังเต็มไปด้วยอีเมลขยะที่ไม่ต้องการ

3. ตั้งระบบตอบกลับอัตโนมัติ

การกำหนดเงื่อนไขการตอบกลับอีเมลโดยอัตโนมัติก็ช่วยในการทำงานแบบมืออาชีพได้ดี คุณอาจ
ตั้งค่าจากหัวข้ออีเมล เช่น Request หรือ Ask for Help เพื่อรับอีเมลที่พนักงาน ส่งมาขอความช่วยเหลือ
ทางด้านไอทีจากคุณ โดยคุณอาจตั้งการตอบกลับอัตโนมัติด้วยข้อความที่คุณเขียนขึ้นเองว่า คุณรับทราบ
ปัญหาของเขาแล้วและจะรีบดำเนินการให้ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งรู้สึกอุ่นใจว่าเขาจะได้รับการแก้ปัญหาในไม่ช้า
นอกจากนี้การใช้งานโปรแกรมเมลนั้นมีฟีเจอร์มากมายที่พร้อมจะรองรับการใช้งานของคุณ ซึ่งคุณควรหา
โอกาสศึกษาหรืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่คุณได้อีกมาก
ทีเดียว

4. รู้จักป้องกันอีเมลหลอกลวง

โจรไฮเทคเดี๋ยวนี้มีหลากหลายรูปแบบ ประเภทหนึ่งที่ชอบส่งอีเมลหลอกลวงเพื่อล้วง ข้อมูลทางการ
เงินส่วนบุคคลด้วย Phishing Mail ซึ่งเป็นการส่งอีเมลมาเพื่อ หลอกลวงว่าข้อมูลทางการเงินของคุณกำลัง
มีปัญหา ให้คุณล็อกอินเข้าไปเพื่อตรวจสอบ ซึ่งอีเมลนี้จะเลียนแบบหน้าเว็บไซต์ของธนาคารจนทำให้
คุณหลงเชื่อว่าเป็นอีเมลที่ส่งมาจากธนาคารจริง ๆ แต่เมื่อคุณใส่รหัสส่วนตัวของคุณเข้าไปยังเว็บลิงก์
ปลอมในอีเมลนั้น ก็จะถูกขโมยข้อมูลทางการเงินไปในที่สุด

ดังนั้นเมื่อพบอีเมลประเภทนี้อย่าหลงกลง่าย ๆ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากธนาคารนั้น ๆ ให้แน่ใจ
เสียก่อน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ

5. แบ็กอัพข้อมูลให้เป็นนิสัย

เพื่อให้งานของคุณดำเนินไปด้วยความราบรื่น ไม่สะดุด หรือข้อมูลสำคัญสูญหาย เสียหาย จึงควร
ทำการแบ็กอัพข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงบนเซิร์ฟเวอร์ด้วย

คนไอทีนอกจากจะใช้งานอีเมลได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ยังต้องรู้จักบริหารจัดการ จัดระเบียบ
และป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ไว้ล่วงหน้าด้วยเสมอ เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมืออำนวย
ความสะดวกอย่างแท้จริง และไม่ต้องมานั่งปวดหัวในภายหลัง


Credit : http://www.itechnicaljob.com/showstory.aspx?id=117

พัณณิตา (นุ้ย)

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อินเทลโชว์ชิปประมวลผลกลุ่มเมฆ 48 คอร์

อินเทล (Intel) เปิดตัวต้นแบบชิป 48 คอร์ที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่า SCC หรือ Single-chip Cloud Computer ระบุว่าแกนประมวลผลทั้ง 48 คอร์บนซิลิกอนขนาดเท่าสแตมป์แผ่นเดียวนั้นมีหลักการทำงานร่วมกันระหว่างคอร์ได้เหมือนกับเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ในระบบประมวลผลกลุ่มเมฆหรือคลาวด์คอมพิวติง
อินเทลให้ชื่อรุ่นชิปตระกูล SCC ของตัวเองรุ่นแรกว่า IA32 ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์จำนวน 1,300 ล้านตัว หน่วยประมวลผลทั้ง 48 ตัวถูกแบ่งออกเป็น 24 ชุด แต่ละชุดจะมีเราท์เตอร์และระบบสร้างรูปแบบการเชื่อมต่อคอร์ประมวลผลเข้าด้วยกันเป็นเครือข่าย หน่วยประมวลผลทั้ง 24 ชุดถูกจับคู่ 4 ต่อ 4 เป็นคอร์ประมวลผล 8 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มสามารถทำงานบนระบบจัดการพลังงานของตัวเอง
ตามทฤษฎี แต่ละคอร์ประมวลผลสามารถรันระบบปฏิบัติการแยกกันได้ แปลว่ายิ่งมีจำนวนคอร์ประมวลผลมากเท่าไหร่ประสิทธิภาพของชิปก็ยิ่งสูงเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันคอมพิวเตอร์พีซีตามบ้านนั้นมีวางจำหน่ายสูงสุดเพียง 4 คอร์
ที่ผ่านมา อินเทลและบริษัทผู้ผลิตชิปรายอื่นในตลาดจึงแข่งขันกันพัฒนาชิปที่มีคอร์ประมวลผลจำนวนสูงๆอย่างไม่มีใครยอมใคร เช่นบริษัท Tilera ที่เริ่มผลิตชิป 32 และ 64 คอร์แล้ว และล่าสุดคือ 100 คอร์ที่เพิ่มประกาศไป หรืออย่าง Nvidia ที่ระบุว่ากำลังพัฒนาชิปประมวลผลกราฟฟิกหรือ GPU 512 คอร์ โดยชิปทั้งหมดถูกหมายมั่นปั้นมือไว้ใช้กับงานประมวลผลที่ต้องการกำลังมหาศาล
อินเทลเองก็เคยประกาศว่ากำลังพัฒนาชิป 80 คอร์เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว (2007) แต่ก็ยังห่างไกลความเป็นไปได้ในการใช้งานจริง ซึ่งล่าสุด อินเทลและเอเอ็มดี (AMD) คู่แข่งรายสำคัญต่างก็มีแผนวางจำหน่ายชิป 6 คอร์ในปีหน้า (2010)
ที่สำคัญ ชิป SCC ของอินเทลนั้นใช้เทคโนโลยี X86 ซึ่งสามารถรันระบบปฏิบัติการธรรมดาที่พบในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไปเช่นวินโดวส์ หรือลินุกซ์ โดยรายงานระบุว่า ไมโครซอฟท์นั้นตอบรับเทคโนโลยีชิป SCC ด้วยการนำเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาโปรแกรมของไมโครซอฟท์ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว
จัสติน แรตต์เนอร์ ประธานฝ่ายเทคโนโลยีของอินเทลนั้นคาดหวังให้แนวคิดชิป SCC สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายกลุ่มในตลาด เช่นในรถยนต์ไฟฟ้า ที่เครื่องยนต์ ถุงลมนิรภัย หรือระบบเบรกทันสมัยภายในรถที่ล้วนต้องใช้ชิปคอมพิวเตอร์ในการควบคุม
อินเทลระบุว่าชิป SCC จะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีแรกของปีหน้า โดยรายละเอียดชิปจะถูกนำมาแจกแจงอีกครั้งในงานประชุม International Solid-State Circuits Conference ซึ่งจะจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2010

Company Related Links Intel

credit : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000147748

ป๋วย

กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์

ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้

1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป

2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น
CMOS checksum Error
CMOS BATTERY State Low
HDD Controller Failure
Diskplay switch not proper
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น

3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ
วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้

4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย
ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา

5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง
สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ

ที่มา:http://www.bcoms.net/problem_coms/groupcom.asp
หัสดาภรณ์(อีฟ)

โปรแกรมไล่ยุง!!

โปรแกรมไล่ยุง พร้อม กำจัดลูกน้ำ (SEA Anti Mosquitoes) Trial : มาอีกแล้ว โปรแกรมไล่ยุง เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 3.3 Trial ที่ คุณศรัณยู บุณยรัตพันธุ์ จาก บริษัท ซี มอส โซลูชั่น จำกัด (Sea Mos Solution Co.,Ltd) ที่เคยพัฒนาโปรแกรมไล่ยุงจนโด่งดัง แบบคับฟ้า ขนาด สำนักข่าวชื่อดังของโลกอย่าง CNN เอาข่าวโปรแกรมนี้ไปลงมาแล้ว หรือจะเป็น หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่ได้พาดหัวข่าวใหญ่สุดๆ หน้าแรก ของโปรแกรมนี้ไปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2544 ก็เป็นเครื่องการันตีคุณภาพได้แล้ว ว่าโปรแกรมนี้มีชื่อเสียงมากน้อยเพียงใด ....
มีคราวนี้เฮียศรัณยู แกออกเวอร์ชั่นใหม่มาแล้ว ชื่อ 3.3 Trial ความสามารถเด่นๆ ของมันก็คือ มันสามารถที่จะไล่ลูกน้ำได้ เรียกได้ว่า เล่นกำจัดกันตั้งแต่ต้นตอของตัวร้ายเลยทีเดียวล่ะ เพราะยุงนี้เป็นพาหะนำโรคร้ายแรง ที่อาจจะทำให้ผู้คนมีอันตรายถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นโรค ไข้มาลาเรีย หรือว่า ไข้เลือดออก เป็นต้น ... เพราะฉะนั้นเราต้องกันจากต้นเหตุ ไม่ใช่รักษาหรือว่าแก้กันที่ปลายเหตุ ... ทีนี้เราลองมาดูความสามารถที่เด่นๆ ของโปรแกรมนี้กันดูด้านล่างนี้ เลยดีกว่า
-Version 3.3 Trial : สำหรับในเวอร์ชั่น 3.3 Trial นี้ก็ได้มีการปรับปรุงในจุดที่ เพิ่มสกิน (Skin) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 11 แบบ ครับ ซึ่งจากเดิมมีอยู่แค่ 6 แบบเท่านั้นเอง ... และก็แก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดบางจุดที่เกิดขึ้นจากในเวอร์ชั่นที่แล้ว (3.0c) รับรองว่ามีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ..
-Version 3.0c Trial : สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในเวอร์ชั่น 3.0c นี้ ...
1. เพิ่มการไล่ลูกน้ำ (Larva) เข้ามาได้ ซึ่งเมื่อลูกน้ำได้รับคลื่นเสียงมากในระดับหนึ่งแล้วนั้น ลูกน้ำสามารถที่จะเสียชีวิตได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการกำจัดถึง "ต้นตอ" ของยุงที่ดีมากๆ เลยทีเดียว ...
2. สามารถส่งเสียงออกมา โดยใช้ได้ทั้ง PC Speaker และจากช่อง Audio Out ของ Sound Card ได้พร้อมกัน หรือ สามารถตั้งให้เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง (ซึ่งเวอร์ชั่น 2.0 สามารถทำได้แค่ PC Speaker อย่างเดียว) เพราะฉะนั้นจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการไล่ยุง และ ลูกน้ำให้มากขึ้นเป็น 2 เท่า !!!
3. สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆ ได้ (Configuration Saving) โดยเมื่อท่านตั้งค่าเสียงที่จะส่งออกมาได้เป็นที่พอใจแล้ว ท่านสามารถบันทึกค่าต่างๆ ที่ท่านตั้งเอาไว้ได้ ...
4. สามารถปรับระดับเสียง (Volume Adjustable) ของคลื่นความถี่ ที่จะสามารถ ปรับ สูง-ต่ำ ได้ตามใจชอบของผู้ใช้งาน ซึ่งถ้าปรับระดับหรือ Volume ที่สูงนั้น ประสิทธิภาพของการไล่ยุงนั้นก็จะสูงขึ้นด้วยตามลำดับ ..
5. สามารถปรับรูปแบบคลื่น (Wave Form Chageable) ได้มากถึง
5 รูปแบบ ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้นไปกว่าเดิมในการใช้ไล่ยุง และ ลูกน้ำ ได้ตามสภาวะอากาศในแบบต่างๆ เช่น สภาวะอากาศหนาว ก็จะใช้ Wave Form แบบนึง หรือ สภาวะอากาศแบบร้อนชื้น ก็จะใช้อีกแบบนึง เป็นต้น เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า บนโลกใบเดิม ..
6. ไม่มีระบบติดตั้งให้ยุ่งยาก (Non-installation Function) เรียกได้ว่า คลายไฟล์ (Extract File) ปุ๊บ สามารถเรียกใช้งาน (Run) ได้ทันที ..
7. มีรูปแบบหน้าตาของหน้าจอโปรแกรมปรับเปลี่ยน (Interface Randomable) ให้แก้เบื่อ แก้เซ็งกันมากถึง 11 แบบ !! (จากเดิม 6 แบบ) เรียกได้ว่า เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความซ้ำซาก และจำเจ ..
8. ขนาดของไฟล์ที่เล็กกระทัดรัด (Compact Size) ด้วยขนาดไฟล์ของโปรแกรมทั้งหมดที่รวมกันแล้ว ไม่ถึง 1 MB. จึงสามารถทำให้ คุณสามารถนำไฟล์ใส่แผ่นดิสก์ ไปได้ทุกหนทุกแห่ง ..


ว้าวๆๆ >//< น่าสนใจดีๆ



ที่มา: http://www.thaiware.com/main/info.php?id=5247

sarunya (yamm)-*- !!

วิธีแก้ไวรัส Conficker.AE

อาการมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส W32/Conficker หรือ W32/Downadup.AL เมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส W32/Conficker หรือ W32/Downadup.AL จะมีอาการดังต่อไปนี้• บริการต่างๆ ของระบบดังนี้ ถูกปิดหรือไม่สามารถรันได้ Windows Automatic Update Service (wuauserv), Backgroun d Intellige nt Transfer Service (BITS), Windows Security Center Service (wscsvc), Windows Defender Service (WinDefend), Error Reporting Service (ERSvc) และ Windows Error Reporting Service (WerSvc)• เกิด Account lockout• เครื่องเซิฟร์เวอร์ Domain controlle rs ตอบสนองเครื่องลูกข่ายช้าผิดปกติ• ระบบเน็ตเวิร์กมีการรับ-ส่งข้อมูลมากผิดปกติ• ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยบา งเว็บไซต์ ที่มีคำต่างๆ ดังนี้
วิธีการแพร่ระบาดไวรัส Conficker หรือ Downadup นั้น มีวิธีการแพร่ระบาดหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้- แพร่ระบาดโดยใช้จุดพกพร่องของ Server Service (MS08-067)- แพร่ระบาดผ่านทางการแชร์บนเครือข่าย- แพร่ระบาดผ่านทางไดร์ฟเก็บข้อมูลแบบพกพา (บนระบบที่มีการเปิดใช้งาน AutoPlay)
วิธีแก้1. ให้ปิดการทำงาน system restore2. ปิดการเชื่อมต่อของระบบ network เช่น สาย Lan หรือ wireless lan เป็นต้น3. Clear temp ไฟล์ทั้งหมด โดยจะใช้ CClean หรือ ATF Cleaner ก็ได้3. ติดตั้ง update path WindowsXP-KB958644-x86-ENU.exe (MS08-067) ปิดช่องโหว่ของ windows ที่ Conficker ใช้โจมตี โดยDownload ได้จาก link นี้ครับhttp://www.microsoft.com/downloads/d…displaylang=en
4. เข้า safemode แล้ว ใช้ Conficker Remove Tool scan เลือกเอาครับ ตาม link ด้านล่างนี้
Conficker Remove Tool

ESET(NOD32)http://download.eset.com/special/EConfickerRemover.exe
symantechttp://www.symantec.com/content/en/u…s/FixDwndp.exe
BitDefenderhttp://www.bdtools.net/bd_rem_tool.zip
Normanhttp://download.norman.no/public/Nor…er_Cleaner.exe
F-secureftp://ftp.f-secure.com/anti-virus/to…f-downadup.zip
Enigmahttp://www.enigmasoftware.com/a1/download/cfremover.exe
AVGhttp://www.avg.com/filedir/util/avg_…ir/rmdndup.exe

ที่มา : http://thaiwinadmin.blogspot.com

มารู้จักส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

รู้จักกับส่วนประกอบต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ใน
การประกอบเครื่องด้วยตนเอง
ก่อนเริ่มทำการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง เราควรทำความรู้จัก
กับส่วนประกอบต่างๆ ของคอมพิวเตอร์กันก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงหน้าที่การทำงานของ
อุปกรณ์แต่ละส่วน ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องเป็นไปอย่างถูกต้องหลีกเลี่ยงความ
เสียหายที่จะเกิดจากความไม่รู้ได้อย่างมาก

ซีพียู (CPU – Central Processing Unit)
ซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการประมวลผลคำสั่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิด
คำนวณการตัดสินใจ ทุกอย่างจะถูกนำมาประมวลผลที่อุปกรณ์ตัวนี้ทั้งหมด โดยจะ
มีการรับคำสั่งเข้ามาจากอุปกรณ์ Input เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด หรือไมโครโฟน และนำไป
แสดงผลออกทางอุปกรณ์ Output เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์สำรองข้อมูล
เป็นต้น

Athlon 64 ซีพียูจากค่ายเอเอ็มดี
Pentium 4
ลักษณะของซีพียูในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบ Socket ที่มีลักษณะ
เป็นสี่เหลี่ยมแบนๆ มีจำนวนขาเล็กๆ ที่เป็นโลหะไว้สำหรับเชื่อมต่อกับสัญญาณ
ภายในตัวซีพียูกับอุปกรณ์ภายนอกซึ่งจำนวนขาจะแตกต่างกันตามยี่ห้อและรุ่นของ
ซีพียู โดยซีพียูที่นิยมใช้ในตอนนี้มีเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น คืออินเทลและเอเอ็มดี
โดยแต่ละค่ายก็จะมีซีพียูหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ เช่นทาง ฝั่งค่ายอินเทลคือ
Pentium 4 และ Celeronใช้อินเทอร์เฟซแบบ Socket 478 และ 775 ส่วนเอเอ็มดี
นั้นเป็น Athlon XP, Athlon 64 Bit ใช้อินเทอร์เฟซแบบ Socket A ,754 และ 939
โดยแต่ละค่ายก็มีจุดดีจุดด้อยแตกต่างกันไปซีพียูของอินเทลนั้นมีจุดเด่นในด้าน
การทำงานที่มีเสถียรภาพ มีความทนทานสูงและไม่ร้อนง่าย แต่มีข้อเสียคือราคาแพง
และทำงานช้ากว่าซีพียูของเอเอ็มดีในระดับความเร็วเดียวกัน สำหรับเอเอ็มดีนั้น
จุดเด่นคือ ซีพียูมีราคาถูกกว่าอินเทลในทุกรุ่นและมีความเร็วสูงทั้งงานด้านกราฟิก
และงานทั่วไป ส่วนข้อเสียของเอเอ็มดี คือมีความร้อนสูง หากไม่มีระบบระบาย
ความร้อนที่ดีจะทำให้ระบบไม่มีเสถียรภาพ และเกิดความเสียหายต่อตัวซีพียูได้ง่าย
เมนบอร์ด (Mainboard)
เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นวงจรหลักสำหรับติดตั้งอุปกรณ์
คอมพิวเตอร์ต่างๆ เกือบทั้งหมด โดยจะมีหน้าที่ในการประสานงานและติดต่อรับส่ง
ข้อมูลโดยผ่านระบบบัส บนเมนบอร์ดก็จะมีอุปกรณ์ที่สำคัญๆ รวมอยู่ด้วย เช่น สล็อต,
ซ็อกเก็ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ชิพเซ็ตที่ทำหน้าที่เหมือนแม่บ้าน คอยจัด
การและประสานงานให้กับอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งบนเมนบอร์ด นอกจากนี้ก็ยังรวม
เอาแผงวงจรและชิพควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตัวควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk
Controller) พอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก เช่น พอร์ตขนาน (Parallel Port)
พอร์ตอนุกรม (Serial Port) และพอร์ตยูเอสบี (USB Port) เป็นต้น

แรม (RAM – Random Access Memory)
แรมคือหน่วยความจำที่ทำหน้าที่อ่านและเขียนข้อมูลร่วมกับซีพียูอยู่
ตลอดเวลา ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะต้องมาพักที่แรมเสมอก่อนจะถูกส่ง
ไปยังซีพียู ดังนั้นยิ่งแรมมีขนาดมากขึ้นเท่าไหร่ก็สามารถพักข้อมูลไว้กับแรมได้
มากขึ้น ทำให้ซีพียูไม่ต้องเรียกข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์บ่อยๆ ซึ่งฮาร์ดดิสก์มีความเร็ว
ในการอ่านและเขียนข้อมูลน้อยกว่าแรม ส่งผลให้ระบบของเราทำงานได้เร็วขึ้น
ในปัจจุบันแรมมีหลายชนิดด้วยกัน คือ SDRAM, DDR SDRAM และ RAMBUS
SDRAM จะมีลักษณะเป็นแผงยาวมีขาสัญญาณขนาด 168 pin 64 bit
สำหรับติดตั้งกับซ็อกเก็ตแรมแบบ DIMM ส่วนใหญ่แรมที่ขายกันเดี๋ยวนี้จะเป็นแบบ
PC–100 และ PC–133 ในปัจจุบัน SDRAM ได้รับความนิยมน้อยมาก ที่มีใช้งานอยู่
ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องรุ่นเก่าเสียมากกว่า เนื่องจากการเข้ามาแทนที่ของ DDR
SDRAM ที่มีคุณภาพดีกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกันนั่นเอง
แตกต่างไปจาก DDR SDRAM หรือ SDRAM มากนักและยังมีราคาแพงกว่ากันค่อน
ข้างมาก นอกจากนี้หากใส่ RAMBUS ไม่ครบแถว (RIMM) ต้องมีการใส่แถวหลอก
(RIMM PCB – Printed Circuit Board) ไว้ให้เต็มเพื่อให้ครบวงจรจึงจะสามารถ
ใช้งานได้
RAMBUS

ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk)
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่สำหรับเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลสำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมต่างๆ
ซึ่งไม่สามารถเก็บไว้ในแผ่นฟล็อบปี้ดิสก์ที่มีความจุน้อยได้ ภายในฮาร์ดดิสก์
จะประกอบไปด้วยแผ่นจานโลหะแข็ง (Platter) วางซ้อนกันแต่จะไม่ติดกัน โดย
จะมีแขนที่เป็นตัวเคลื่อนหัวอ่านเข้าไปอ่านและเขียนข้อมูลตามตำแหน่งที่ต้องการ
และจะไม่มีการสัมผัสกับแผ่นโดยตรงแต่จะมีช่องว่างห่างกันประมาณ 10 ไมครอน
ทำให้การอ่านข้อมูลจากแผ่น Platter มีความเร็วสูงเนื่องจากไม่มีการเสียดสีที่เกิด
จากการสัมผัส โดยจะมีความเร็วรอบอยู่ 2 แบบคือ 5400/นาที และ 7200/นาที
นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ยังมีแผ่นวงจรที่อยู่ด้านล่างเป็นตัวควบคุมการ
หมุนของมอนิเตอร แขนที่เป็นตัวเคลื่อนหัวอ่าน และยังทำหน้าที่ติดต่อสื่อสาร
โดยส่งผ่านข้อมูลไปยังเมนบอร์ดอีกด้วย ซึ่งแผ่นวงจรด้านล่างนี้ควรระวังอย่าไปวาง
ไว้กับแผ่นโลหะหรืออุปกรณ์นำไฟฟ้าทุกชนิด เพราะจะทำให้เกิดการลัดวงจร
ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวฮาร์ดดิสก์ได้ โดยเฉพาะการวางฮาร์ดดิสก์ไว้บน
เคสแล้วเปิดการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหากเกิดปัญหาไฟรั่วขึ้นมา
จะทำให้มีไฟฟ้าเข้ามาสู่ตัวเคสและผ่านไปยังฮาร์ดดิสก์ ทำให้แผ่นวงจรของ
ฮาร์ดดิสก์อาจเสียหายได้
เนื่องจากข้อจำกัดในการพัฒนามาตรฐานการเชื่อมต่อแบบเดิม ซึ่งเป็นแบบ
IDE/E-IDE แทบไม่มีการพัฒนาความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลไปได้อีก โดยหยุดไว้ที่
ความเร็วสูงสุดเพียง 133 MB/s จึงทำให้บรรดาผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ได้ทำการพัฒนา
มาตรฐานของฮาร์ดดิสก์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งเรียกว่าเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ Serial ATA โดยมี
ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลถึง 150 MB/s และมีหน่วยความจำแคชถึง 8 MB ซึ่งจะ
สามารถพัฒนาความเร็วได้ถึง 300 MB/s และ 600 MB/s ในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป นอกจาก
นี้ฮาร์ดดิสก์แบบ Serial ยังมีข้อดีอีกหลายๆ ด้าน เช่น ใช้สายเคเบิ้ลที่ใช้ในการ
เชื่อมต่อแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กและบางกว่าเดิม ทำให้การไหลเวียนของอากาศภาย
ในเคสดีขึ้นดูเป็นระเบียบมากขึ้น และตัวของฮาร์ดดิสก์มีความแข็งแรงมากขึ้น
ไม่บอบบางหรือเสียหายง่ายเหมือนฮาร์ดดิสก์แบบ IDE

จอภาพ (Monitor)
จอภาพหรือจอมอนิเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลจากการทำงาน
ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งภายในมีวงจรและระบบการทำงานคล้ายกับเครื่องรับโทรทัศน์
เกือบทุกอย่างแต่จะมีแผงวงจรที่ซับซ้อนน้อยกว่ามาก โดยจะแตกต่างกันตรง
ที่โทรทัศน์มีภาครับสัญญาณทีวี แต่จอมอนิเตอร์มีเพียงภาครับสัญญาณดิจิตอล
จากการ์ดแสดงผลเท่านั้น ปัจจุบันแนวโน้มจอมอนิเตอร์กำลังถูกจอ LCD เข้ามาเป็น
มาตรฐานใหม่แทนด้วยข้อดีหลายๆ อย่าง เช่น มีขนาดบางไม่กินเนื้อที่ในการจัดวาง
มากนัก ไม่มีรังสีสะท้อนรบกวนสายตา และประหยัดไฟมากกว่า เป็นต้น


การ์ดเสียง (SoundCard)
การ์ดเสียงหรือซาว์ดการ์ดที่หน้าที่ในการให้กำเนิดเสียงจากเครื่อง
คอมพิวเตอร์ โดยต้องทำงานควบคู่ไปกับลำโพงด้วย ในปัจจุบันมักจะมีการนำ
คอมพิวเตอร์มาใช้งานประเภทมัลติมีเดียที่ให้ความบันเทิงต่าง ๆ เช่น
ใช้ดูหนังฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ เล่นเกม งานเหล่านี้ต่างก็ต้องพึ่งพาระบบเสียง
ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการทำงานเหล่านี้ทั้งสิ้น ดังนั้นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
จึงมีการติดตั้งระบบ เสียงให้กับคอมพิวเตอร์แทบทุกเครื่อง มีทั้งแบบ Sound On
Board หรือแบบที่เป็นการ์ดโดยจะต้องนำมาติดตั้งลงบนสล็อตในเมนบอร์ด
ปัญหาของการ์ดเสียงบางครั้งจะส่งผลกระทบกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่าง
คาดไม่ถึง และส่วนใหญ่จะเกิดจากตัวไดรเวอร์ของการ์ดเอง จนบางครั้งทำให้
วินโดวส์ไม่สามารถบู๊ตเครื่องหรือชัตดาวน์ได้ วิธีแก้ปัญหาคือต้องไปดาวน์โหลด
ไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่มาติดตั้ง

ฟล็อบปี้ไดรฟ์ (Floopy Drive)
ฟล็อบปี้ไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการอ่านและบันทึกข้อมูลจากแผ่น
ฟล็อบปี้ดิสก์ที่มีขนาด 3.5 นิ้ว ความจุ 1.44 MB โดยจะมีหัวอ่านคอยเลื่อน
เข้าไปอ่านข้อมูลจากแผ่นที่เคลือบสารแม่เหล็กของฟล็อบปี้ดิสก์ทั้งสองด้าน
ซึ่งหัวอ่านนี้จะมีการสัมผัสกับแผ่นแม่เหล็กโดยตรง จึงทำให้การอ่านข้อมูลไม่สามารถ
อ่านได้รวดเร็วเหมือนฮาร์ดดิสก์โดยมีความเร็วประมาณ 300 รอบต่อนาทีเท่านั้น

ซีดีรอมไดรฟ์ (CD-ROM Drive)
ซีดีรอมไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีเพียง
อย่างเดียว ส่วนใหญ่จะใช้งานในด้านการติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมต่างๆ
รวมไปถึงงานที่เกี่ยวกับความบันเทิง เช่นดูหนัง ฟังเพลง และงานด้านมัลติมีเดียด้วย
โดยมีหน่วยความเร็วในการอ่านข้อมูลเป็น X เช่น 48X หรือ 50X เป็นต้น ในปัจจุบัน
แทบจะเรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีไดรฟ์ซีดีรอมอย่างน้อย หนึ่งไดรฟ์
เสมอ ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในตอนนี้แล้ว
ซีดีรอมไดรฟ์จะการอ่านข้อมูลด้วยความเร็วในการหมุนแผ่นที่ไม่คงที่
โดยที่จะอ่านข้อมูลที่อยู่วงนอกของแผ่นซีดีด้วยความเร็วสูงสุด และจะค่อยๆลด
ความเร็วลงมาเมื่อมาอ่านข้อมูลที่อยู่วงในสุด ส่วนใหญ่ซีดีรอมไดรฟ์จะอ่านข้อมูล
ที่อยู่ตรงกลางแผ่นซะส่วนมาก ทำให้ใช้ความเร็วเพียงแค่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของ
ความเร็วสูงสุดที่มีเท่านั้น ดังนั้นซีดีรอมไดรฟ์ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยทำงานที่ความเร็ว
สูงสุดของไดรฟ์เท่าไหร่นัก อย่างเช่นซีดีรอมไดรฟ์ความเร็ว 50X จึงไม่ใช่ความเร็วใน
การอ่านข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นความเร็วในการอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดี
ที่อยู่วงนอกสุด หลังจากนั้นจะค่อยลดความเร็วลงมาเมื่อมาอ่านข้อมูลที่อยู่วงในด้วย
ความเร็ว ที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของไดรฟ์ก็จะประมาณ 20-25X เท่านั้น
ฟล็อบปี้ไดรฟ์

เมาส์และคีย์บอร์ด
เมาส์และคีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์สำหรับทำหน้าที่ในการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้
เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่หากเมาส์และคีย์บอร์ดเสียจะไม่นิยมซ่อม
เพราะเดี๋ยวนี้เมาส์และคีย์บอร์ดมีราคาไม่แพง ถ้ามัวแต่มานั่งซ่อมจะไม่คุ้มกับเวลา
ที่เสียไป

เคสและเพาเวอร์ซัพพลาย
เคสที่ขายในบ้านเรามักมีเพาเวอร์ซัพพลายติดมาด้วยเสมอจนเป็นของ
คู่กัน โดยเคสจะมีลักษณะเป็นกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมผืนฟ้าใช้สำหรับเป็นที่เก็บ
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเมนบอร์ด ซีพียู แรม ฮาร์ดดิสก์
การ์ดแสดงผล การ์ดเสียง รวมถึงสายแพเชื่อมต่อต่างๆ ส่วนเพาเวอร์ซัพพลายนั้นจะมี
หน้าที่ในการแปลงไฟและจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ที่อยู่ในเคส
ผู้ใช้หลายคนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเพาเวอร์ซัพพลาย
เท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าปัญหาที่เกิดกับฮาร์ดดิสก์ และอุปกรณ์ต่างๆ บางครั้งมักมีสาเหตุ
มาจากเพาเวอร์ซัพพลาย หากเพาเวอร์ซัพพลายเสียส่วนใหญ่จะสามารถซ่อม
ได้โดยการเปลี่ยนฟิวส์ หม้อแปลง หรือเปลี่ยนอะไหล่

Flash Drive ไม่ทำงาน ทำอย่างไรดี

บางคนอาจเรียกว่า Thumb Drive ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบน่ะครับ แต่อย่างไรก็ตาม Flash Drive?หรือ?Thumb Drive ก็เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการโอนย้ายข้อมูลที่สะดวมากตัวหนึ่ง ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่ใช้งาน Flash Drive แล้วปรากฏว่าวันหนึ่ง หลังจากเสียบ Flash Drive ในช่อง USB แล้วโปรแกรมแจ้งว่าไม่ทำงาน หรือไม่แสดง Drive จะทำอย่างไรดี? อย่าเพิ่งตกใจ เรามีวิธีเบื้องต้นในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา ดังนี้

ลองเปลี่ยน USB Port ที่เสียบดูว่า ทำงานกับช่องอื่นๆ?(port อื่นๆ) ได้หรือไม่
ลองนำ Flash Drive นี้ไปใช้งานกับคอมฯ เครื่องอื่นๆ ดู ว่าทำงานหรือไม่
ถ้าปรากฏว่าเครื่องคอมฯ อื่นๆ สามารถใช้งาน Flash Drive ของคุณได้ แนะนำให้ตรวจเช็คเครื่องคอมฯ ของคุณดังนี้
การเชื่อมต่อ Flash Drive คุณมีการใช้สาย USB ช่วยในการเชื่อมต่อหรือไม่ เพราะ USB Flash Drive มีเวอร์ชั่นที่เป็น 1.1 และ 2.0 ดังนั้น ถ้าคุณใช้สายไม่ถูกเวอร์ชั่น ก็อาจมีปัญหาได้ ให้ทดลองเปลี่ยนสายดู หรืออาจต่อโดยตรงเข้ากับ USB Port ได้ทันที
ตรวจสอบจาก Device Manager ของ Windows
ให้คลิกขวาที่ My Computer?เลือก Properties
คลิกเลือกแท็ป Hardware
คลิกเลือก Device Manager
ดูหัวข้อด้านล่าง "Universal Serial Bus Controllers" ดูว่ามีรายการไหนขึ้นเครื่องหมายคำถามสีเหลือง หรือมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ถ้ามี คุณจำเป็นต้องติดตั้ง driver ของ? USB ใหม่
ทางที่ดีแนะนำให้ reinstall USB Driver เลยจะดีกว่า

ปัญหาอาจมาจากไวรัสบน Flash Drive
อีกวิธีที่หนึ่งที่เคยแก้ปัญหาได้ คือการติดตั้งโปรแกรม CPE17 (ฟรีโปรแกรมแก้ไขปัญหาไวรัส Autorun) จากนั้นลองเสียบ Flash Drive เข้าไปใหม่ โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและแก้จัดไวรัส?Autorun ให้ หลังจากนั้นถ้ามองเห็น USB Flash Drive แล้ว ให้รีบสั่งรันโปรแกรม Antivirus ที่ Flash Drive อีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

savepower Notebook 5/12/09

ถ้าหากคุณใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่และจำเป็นต้องใช้เป็นระยะเวลานาน สิ่งแรกที่ จะต้องคำนึงถึงคือ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอยู่ ปกติแบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ต่างๆ และลักษณะการใช้งาน ดังนั้น ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการจัดการพลังงานของโน้ตบุ๊ค ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะใน Windows XP นั้นมีคุณสมบัติที่สนับสนุนการประหยัดพลังงานอย่างหลากหลาย



เริ่มต้นกับระบบประหยัดพลังงาน

ซีพียูของโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จะมีเทคโนโลยีปรับความเร็ว CPU เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น Intel เรียกว่า Speed Step และ AMD เรียกว่า PowerNow! ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ซีพียูสามารถปรับความเร็วให้เหมาะสมกับงานที่กำลังทำ เช่น หากกำลังพิมพ์งานอยู่ก็ไม่ต้องใช้ความเร็วในการประมวลผลมากมายนักซีพียูที่ปกติมีความเร็ว 1.6 GHz ก็จะปรับความเร็วลดลงเหลือเพียง 600 MHz ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมาก และทำให้สามารถใช้โน้ตบุ๊คได้นานขึ้นต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ผู้ใช้บางคนเมื่อตรวจสอบความเร็วซีพียู อาจจะตกใจว่าทำไมซีพียูจึงทำงานได้ช้ากว่าสเปคที่ซื้อมา ก็ไม่ต้องตกใจแต่อย่างใด



ซีพียูเมื่อทำงานด้วยความเร็วสูงสุด และลดความเร็วเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

โดยปกติ CPU จะตัดสินใจและปรับตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่แล้ว แต่คุณ ก็สามารถปรับแต่งการทำงานได้จากไบออสของเครื่องโน้ตบุ๊คเอง หรือปรับได้จากโปรแกรม จัดการพลังงานที่แถมมาพร้อมกับโน้ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

รู้จักกับโหมด Stand By

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในปัจจุบันจะมีคุณสมบัติ Stand By ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ CPU ลดการทำงานลงอย่างรวดเร็วจนถึงเกือบหยุดการทำงาน ทำให้ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยมาก เช่น ซีพียู Pentium M ขณะทำงานเต็มที่จะใช้พลังงานประมาณ 20 Watt เมื่อเข้าสู่โหมด Stand By จะใช้พลังงานเพียง 5-10 Watt เท่านั้น

นอกจากนี้เมื่อเข้าสู่โหมด Stand By จอภาพจะดับลง ฮาร์ดดิสก์จะหยุดหมุน อุปกรณ์ภายในทั้งหมดจะเข้าสู่สภาวะจำศีล ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งเหมาะอย่างมากเวลา คุณทำงานอยู่แล้วต้องการหยุดทำงานเพียงชั่วคราว เพื่อทำธุระส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ เช่น ชงกาแฟ หรือเข้าห้องน้ำ โดยที่ไม่ต้องปิดเครื่อง และสามารถปลุกให้โน้ตบุ๊คตื่นได้อย่าง รวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาเปิดเครื่องใหม่ อย่างไรก็ตามโหมด Stand By อุปกรณ์เกือบทุกอย่างยังคงใช้ไฟอยู่เล็กน้อย ดังนั้น ไม่ควรเคลื่อนย้ายโน้ตบุ๊คขณะอยู่ในโหมด Stand By เพื่อเดินทางไกล เพราะอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้

การเรียกใช้คุณสมบัติ Sleep



3G

3G คือ มาตรฐานโทรศัพท์มือถือในยุคที่ 3 ซึ่งถูกพัฒนาและกำลังมาแทนที่ ระบบโทรศัพท์ 2G เทคโนโลยีการสื่อสาร 3G นั้นพัฒนาบนพื้นฐานของมาตรฐาน International Mobile Telecommunications 2000 (IMT-2000) โดยพัฒนามาจาก GPRS และ EDGE และที่สำคัญ คือ เป็นพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบัน ทำให้สามารถส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น ในแง่ของขีดความสามารถและคุณภาพสำหรับเสียงและข้อมูล อุปกรณ์ 3G จะอยู่ในรูปของเครื่องมือสื่อสารมัลติมีเดียแบบพกพา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียได้ทุก ที่ ทุกเวลา โดยอุปกรณ์การสื่อสารในยุค 3G นั้นจะเป็นอุปกรณ์ผสมผสานการนำเสนอข้อมูลและเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น โทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มีโทรศัพท์ประเภทนี้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก สำหรับเทคโนโลยี 3G นั้นได้มีในประเทศไทยแล้ว โดยมีใช้ได้เฉพาะในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดเชียงใหม่ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดการใช้บริการ 3G ได้จากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายการสื่อสารไร้สายในประเทศไทย เช่น AIS, DTAC และ TrueMove ซึ่งในขณะนี้ทาง AIS หรือ DTAC ได้นำระบบ 3G แบบ HSDPA มาให้บริการ มีความเร็วในการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps

ลักษณะเด่นของเทคโนโลยี 3G

1. ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สำหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจำที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเทอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ สามารถถ่ายเท ส่งต่อข้อมูล ดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้

2. ความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming) คือ ผู้บริโภคสามารถ ถืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง

3. บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service) คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเซลล์ไซต์ (Cell Site)

4. อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกำหนดไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็วดังนี้

- ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดิน มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที
- ในสภาวะเคลื่อนที่โดยยานพาหนะ มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต/วินาที
- ทุกสภาวะ มีความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต/วินาที

เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้วจะพบว่า 3G มีช่องสัญญาณความถี่และความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่และสมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่ง Fax, โทรศัพท์ต่างประเทศ, การประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของเทคโนโลยี 3G คือ การเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G อยู่ตลอดเวลา (always on) ที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์และ Log In ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล

จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีรูปแบบใหม่มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียงและแอพพลิเครชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอภาพสีความละเอียดสูง, เครื่องเล่น mp3, mp4 , การดาวน์โหลดเกม, การแสดงแผนที่ออนไลน์ เป็นต้น ทำให้การสื่อสารเป็นแบบ Interactive ที่สามารถสร้างความบันเทิงและสมจริงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยี 3G จึงช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวมากขึ้นด้วย โดยโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์แบบพกพา-เครื่องเล่นมี เดียส่วนตัว-กล้องถ่ายรูป ซึ่งผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน accont ส่วนตัวเพื่อใช้บริการต่างๆผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทันที เช่น อ่านข่าวออนไลน์, ดูคลิป, ข้อมูลทางการเงิน, ดูแผนที่และข้อมูลท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับการใช้งาน 3G คือ การมีโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย 3G ของผู้ให้บริการได้ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เห็นหลายรูปแบบ หลายลักษณะในตลาดอุปกรณ์การสื่อสารไร้สาย เช่น iPhone 3G, Nokia, HTC หรือ Dopod รุ่นใหม่ๆที่มีฟังค์ชั่นรองรับระบบ 3G ในทำนองเดียวกัน หากต้องการใช้โน้ตบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์แบบพกพาเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G นั้นจำเป็นต้องใช้ Air Card เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับการเชื่อมต่อด้วยเช่นกัน

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard ที่รองรับระบบ 3G : คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งประเทศไทยจะแบ่งได้ดังนี้

1. คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
2. คลื่นความถี่ ( band ) 2100 คาดว่าจะถูกพัฒนาโดย AIS (อยู่ในขั้นตอนการประมูล)
3. คลื่นความถี่ ( band ) 1900 ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกปล่อยออกโดยบริษัทไหน

ดังนั้นการเลือกซื้อ Air Card, Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น

เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่นี้ ดูเหมือนจะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น นอกจากจะเพื่อความบันเทิง เช่น สามารถฟัง Imeem, คุย MSN, เล่น Facebook หรือแม้แต่ดู Youtube จากที่ไหนก็ได้ผ่านมือถือแล้ว ยังช่วยทำให้ชีวิตใครหลายๆคน connect กันได้ตลอดเวลานาทีด้วยเช่นกัน

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

HD-DVD(เอชดี-ดีวีดี)

เอชดีดีวีดี (HD DVD - High Definition DVD หรือ High Density DVD)

เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง (optical disc) ที่ใช้บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง (high definition) หรือข้อมูลชนิดอื่นๆ ก็ได้ HD DVD มีลักษณะใกล้เคียงกับ Blu-ray ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลคู่แข่ง โดยใช้ขนาดแผ่นเท่ากับซีดีรอม (เส้นผ่านศูนย์กลาง 12 ซม.)

HD DVD แบบเลเยอร์เดียวจุข้อมูลได้ 15GB และ 30GB สำหรับแบบสองเลเยอร์ โตชิบาได้ประกาศว่าจะผลิตแผ่นแบบ 3 เลเยอร์ที่จุได้ 45GB ในตัวแผ่น HD DVD สามารถใส่ข้อมูลชนิดดีวีดีแบบเดิม และ HD DVD ได้พร้อมกัน การอ่านข้อมูลใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นแสงสีฟ้า (405 นาโนเมตร)

ชั้นข้อมูลจะถูกบันทึกถัดไปจากพื้นผิว 0.6 มิลลิเมตรเช่นเดียวกับดีวีดีทั่วไป เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลวิดีโอคือ MPEG-2, Video Codec 1 และ H.264/MPEG-4 AVC สนับสนุนระบบเสียงแบบ 7.1 ในส่วนความละเอียดของภาพนั้นขึ้นกับจอภาพที่ใช้ด้วย แต่สามารถขึ้นได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5

Boat 078

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

8 วิธีในการดึงพื้นที่ฮาร์ดดิสก์คืนมา 2/12/2009

เทคนิคหนึ่งที่นำมาใช้เสมอกรณีที่เริ่ม Setup คอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานเองก็คือ จัดแบ่งพาร์ติชั่นให้เหมาะสม โดยแยกให้เป็นพาร์ติชั่นสำหรับระบบปฏิบัติการ พาร์ติชั่นสำหรับ Application และสำหรับ Cache Drive หรือ Temp Drive และเมื่อใดก็ตามที่เห็นผู้ใช้งานท่านใด บ่นว่าไม่มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูล เราว่าปัญหาแท้จริงนั้นไม่ใช่ว่าพื้นที่ทั้งหมดในฮาร ์ดดิสก์เต็มไปด้วยข้อมูล แต่ปัญหาจริงๆ ก็คือว่า การขาดการจัดการที่ดีมากกว่า แม้แต่ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ก็ต้องการการจัดการกรณีนี้กล่าวถึงเฉพาะในพาร์ติชั่นของระบบปฏิบัติการแ ละ Application เท่านั้น ส่วนตัวแล้ว กำหนดให้มีขนาดไม่เกิน 800เมกะไบต์ เพราะถือว่าการติดตั้งซอฟต์แวร์ Application ในปริมาณที่เกินกว่า 1 เมกะไบต์นั้น เป็นการสิ้นเปลืองและการไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จร ิง รวมไปถึงการจัดการที่ไม่ดีด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พื้นที่ 800 เมกะไบต์ของผมก็ยังเต็มอยู่บ่อย ด้วยเหตุนี้ผมจึงเรียบเรียง กลวิธีง่ายๆในการดูแลพาร์ติชั่นดังกล่าวให้สะอาดและม ีพื้นที่ว่างประมาณ 30 - 50 เมกะไบต์เสมอ ทำไมต้องมีพื้นที่ว่าง เพราะต้องว่างไว้สำหรับข้อมูลแคชของ Netscape , Internet Explorer , ไฟล์ที่มีผู้ส่งให้ทาง E-mail และข้อมูลที่ต้องถูกเก็บโดยอัตโนมัติในพาร์ติชั่นเดี ยวกับ Application ไม่สามารถแยกเก็บต่างหากได้

1. Recycles Bin คือ สถานที่แรกที่ควรพิจารณาจัดการ ปกติถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขนาดของถังขยะจะมีความจุ 1/10 เท่าของพื้นที่พาร์ติชั่น กรณีของฮาร์ดดิสก์ 1 กิกะไบต์ ก็จะมีถังขยะขนาด 100 เมกะไบต์ หากไม่จัดการให้เหมาะสม ปล่อยให้ถังขยะเต็มอยู่ตลอดเวลา ก็จะเสียพื้นที่ 100 เมกะไบต์ไปโดยเปล่าประโยชน์

2. การจัดการกับข้อมูลใน Disk Cache ของบราวเซอร์ เช่น Netscape , Internet Explorer ข้อดีของการมีข้อมูลเหล่านั้นไว้ก็คือ ประหยัดเวลาในการดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต และใช้ดูขณะ Offline ได้ แต่ข้อเสียก็คือใช้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ ทางที่ดีควร "ล้างแคช" โดยการใช้ฟังก์ชั่น Clear Cache ของบราวเซอร์ที่ใช้งาน กรณีของ Netscape นั้น ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตอยู่ใน C:\Program File\Netcape\…\cache ส่วนกรณีของ Internet Explorer นั้นอยู่ใน C:\Windows\Teporary Internet File\ พื้นที่ที่ใช้ในการเก็บไฟล์เหล่านั้นเริ่มจากไม่กี่เ มกะไบต์ไปจนหลายสิบเมกะ ไบต์ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้ใช้งานก็ควรลบออก

3. การจัดการกับไฟล์ที่ส่งแนบมากับจดหมายอิเลคทรอนิคส์ และไฟล์ข้อมูลที่ดาวน์โหลดเข้าเก็บไว้โดยโปรแกรมประเ ภท Offline Web Browser สำหรับไฟล์ที่แนบมากับจดหมายอิเลคทรอนิคส์นั้น อาจต้องการใช้งานระยะเวลาสั้นๆ หลังจากต้องดำเนินการขั้นต่อไปคือ ตัดสินใจว่าจะสำรองข้อมูลไว้ หรือลบทิ้ง หรือนำไปจัดเก็บในพาร์ติชั่นสำหรับข้อมูล ส่วนไฟล์ HTMLและรูปภาพที่ดาวน์โหลดโดย Offline Web Browser ถ้าหากต้องการเก็บไว้อ้างอิงระยะยาว ก็ควรย้ายไปยังพาร์ติชั่นสำหรับข้อมูลเช่นกัน หากไม่ต้องการใช้ก็ลบทิ้ง พื้นที่ว่างที่ได้เพิ่มขึ้นนั้น หลากหลายตามสัดส่วนความรกของไฟล์ สำหรับไฟล์ที่รับจาก e-mail กรณีที่ใช้งาน Eudora พบว่าบางครั้งไฟล์ขนาดใหญ่ และรับครั้งเดียวไม่สำเร็จ และเมื่อรับครั้งต่อไป ไฟล์นั้นจะถูกทิ้งไว้ และสร้างชื่อใหม่ขึ้นอีก ไฟล์ที่ใช้ได้คือไฟล์ที่สมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นจึงควรตรวจสอบและกำจัดไฟล์ขยะทิ้งไป

4. ไฟล์นามสกุล .tmp ใน C:\Windows\temp เป็นไฟล์ชั่วคราว (Temporary File)ที่ถูกสร้างขณะที่ใช้งาน Application ต่างๆ ถ้าหากการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยการเปิด-ปิดตามปกติ ไฟล์ชั่วคราวดังกล่าวจะถูกทำลายโดยอัตโนมัติเมื่อใช้ งานเสร็จ แต่ในกรณีที่วินโดวส์หยุดทำงานเพราะแฮงค์ ไฟล์ชั่วคราวดังกล่าวจะเหลืออยู่ และเมื่อเป็นปริมาณมากๆ ขนาดก็ใหญ่ตาม การกำจัดทำได้โดยใช้ยูทิลิตีส์ เช่น Norton Utility Space Wizard

5. ทิ้งชิ้นส่วนที่ไม่ได้ใช้งานแต่ถูกติดตั้งลงไปเมื่อต ิดตั้งวินโดวส์ สำหรับวินโดวส์ภาษาไทย สิ่งที่ลบออกได้ก็คือ C:\Program File\Online Service จะสังเกตเห็นว่า Online Services ที่ให้มานั้นคือ ของ AT &T , CompuServe, AOL ซึ่งเป็น บริการที่หาไม่ได้ในประเทศไทย แต่ถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติ ไม่มีตัวเลือกให้ว่าจะเลือกติดตั้งหรือไม่ติดตั้ง และไม่มีตัว Uninstall ที่มากับ Windows ด้วย การลบทำได้สองวีธีคือ ลบด้วยมือ โดยเข้าไปลบใน Windows Explorer หรือใช้ยูทิลิตีส์ในการ Uninstall เช่น Clean Sweep , Uninstall การทิ้งส่วนนี้ให้พื้นที่ว่างถึง 9 เมกะไบต์

6. Application ที่แถมมากับวินโดวส์ แต่ไม่ได้ใช้งาน กรณีนี้ควรตรวจสอบก่อนลบว่าต้องการใช้อยู่หรือไม่ เช่น Hyper Terminal , Word Pad Thai , Windows Messaging , Paint ,ทำให้พื้นที่ว่างลงอีกหลายเมกะไบต์ได้เช่นกัน การเอาออกทำได้โดยใช้ฟังก์ชัน Add/Remove Program ใน Control Panel

7. ไฟล์สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ แต่หลงเหลือไว้ในฮาร์ดดิสก์หลังจากติดตั้งวินโดวส์เส ร็จเรียบร้อย พบในบางกรณี เช่น Notebook ยี่ห้อ Toshiba เมื่อซื้อมานั้น มักจะมาพร้อมกับวินโดวส์ 95 ซึ่งถูกติดตั้งเรียบร้อย แล้ว แต่ไฟล์สำหรับติดตั้งนั้นจะอยู่ใน C:\Windows\Option ซึ่งมีขนาดความจุ 60 - 90 เมกะไบต์ ทั้งนี้ประโยชน์ของการมีไฟล์ดังกล่าวไว้คือ กรณีที่วินโดวส์เสียหาย ก็สามารถติดตั้งจากตัวต้นฉบับที่ถูกคัดลอกไว้ดังกล่า วได้ แต่ก็เสียพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ไป ทางที่ดีควรพิจารณาสำรองไว้ในแผ่นฟล๊อปปี้ หรือหากเป็นการใช้งานคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย (Workgroup) ก็ควรขอพื้นที่ในเซอร์เวอร์ เพื่อฝากไฟล์ดังกล่าว หรือหากไม่สามารถลบทิ้ง ไม่สามารถฝากไฟล์ไว้ที่เครื่องอื่นได้ แนะนำให้ลบไฟล์ชื่อ wowkit.exe ซึ่งมีขนาดถึง 19 เมกะไบต์ออก เพราะเป็นไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งานกันตามปกติเช่นเดียวกัน

8. ไล่ดูแต่ละโฟลเดอร์ทั้งใหญ่และย่อยถ้าทำได้ บางทีอาจจะเหลือขยะที่ทำให้เราจัดการได้บ้าง เช่น ไฟล์ตกค้างใน Eudora , ไฟล์ตกค้างจากการใช้ Offline Browser เช่น Teleport หรือไฟล์ที่เราอาจจะค้นพบได้เพิ่มเติมว่า มันไม่มีประโยชน์ และเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์โดยไม่จำเป็น

เดี๋ยวลองไปทำดูบ้างดีกว่า Mod