วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

OVER CLOCK 4

อุปกรณ์รอบข้าง ก็มีผลต่อการทำ Over Clock
ด้วยจากความรู้เรื่องของความเร็ว FSB และระบบบัสต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า การทำ Over Clock โดยการเพิ่ม FSB และทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานที่ความเร็วไม่มาตรฐาน ดังนั้น การเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีความสำคัญมากนะครับ ว่าอุปกรณ์แต่ละชนิดนั้น จะสามารถทนรับความเร็วที่ผิดปกติได้มากน้อยเพียงใด อุปกรณ์ที่ผมพูดถึง ก็เช่น VGA Card , Sound Card , Hard Disk หรือ RAM นะครับ ดังนั้นต้องเลือกกันให้ดี

Power Supply ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม
หลาย ๆ ท่านอาจจะมองข้ามปัญหาของ power Supply ไป แต่ที่จริงแล้ว กำลังไฟของอุปกรณ์จ่ายไฟเช่น Power Supply นี่ต้องถือว่ามีความสำคัญมากเหมือนกันนะครับ คุณลองนึกดูนะ ว่าการเพิ่มความเร็วของ CPU จะทำให้ต้องใช้กำลังไฟ เพิ่มขึ้นมากเท่าไร การติดพัดลมเพิ่มเติม ก็ล้วนแต่กินไฟทั้งนั้น ดังนั้นหากเป็น Power Supply ที่ใช้งานมานาน ๆ แล้วหรือมีกำลังไฟต่ำ ๆ ก็ต้องพิจารณากันด้วย

สายการผลิต หรือเทคโนโลยีที่ใช้ CPU ก็มีส่วนสำคัญ
การเลือก CPU ในแต่ละรุ่น หรือแต่ละสายการผลิต ก็มีส่วนสำคัญกับการทำ Over Clock ว่าจะได้มากหรือน้อยด้วยนะครับ ผมยกตัวอย่างเช่น Celeron 366 MHz เปรียบเทียบกับ Celeron 533 MHz นะครับ สมมุติว่า CPU 2 รุ่นนี้ผลิตมาจากเทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งสามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุดน่าจะได้ใกล้เคียงกัน แต่ว่าหากเรามองหลักการ Over Clock ซึ่งสำหรับ Celeron นั้นจะล็อคตัวคุณ ทำให้เราใช้วิธีการเพิ่ม FSB ได้อย่างเดียว จะเห็นว่า 366 = 66 x 5.5 ในขณะที่ 533 = 66 x 8 นะครับ ซึ่งลองนึกภาพกาีรนำเอา CPU 2 ตัวนี้มาทำงานที่ FSB 100 MHz ก็จะำได้ 366@550 กับ 533@800 ซึ่งโอกาสที่เราจะได้ตัว 533@800 นี่แทบจะไม่มีเลยทีเดียวนะครับ ดังนั้น CPU รุ่นแรก ๆ ที่เพิ่งออกมา จะสามารถนำมาทำ Over Clock ได้ดีกว่ารุ่นหลังนะครับ ยกตัวอย่างเช่น Celeron II 566 MHz ตอนนี้ที่เพิ่งออกมา หลายคนสามารถใช้ FSB 100 MHz ได้สบาย ๆ ครับ หรือ Pentium III 500 รุ่นแรก ๆ ก็สามารถใช้งานที่ FSB 133 MHz ได้เป็นต้น

การเพิ่ม ตัวคูณ กับเพิ่ม FSB อะไรดีกว่ากัน
การทำ Over Clock ที่ดีควรจะเพิ่ม FSB นะครับ เพราะว่า FSB คือความเร็ว External Clock ที่จะเป็นตัวกำหนดความเร็วของอุปกรณ์อื่น ๆ ให้ทำงานเร็วขึ้นด้วย การที่เี่ีราลด FSB ลงมาแต่เพิ่มตัวคูณเข้าไป อาจจะได้ตัวเลขที่สูงขึ้น แต่จริงแล้วความเร็วโดยรวม ๆ อาจจะำไม่ได้เพิ่มขึ้ีนมามากนัก ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรใช้วิธีเพิ่ม FSB


รหัสไบออสของเครื่องถ้าไม่ทราบก็เกาะแบตออกได้เลย เป็นการปลดล็อก จะตั้งค่าใหม่ทันที

OVER CLOCK 3

การทำ Burn in CPU
คือการใช้งาน CPU แบบหนัก ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ อย่างต่อเนื่องภายใต้อุณหภูมิสูง เช่นการเพิ่มไป Vcore เข้าไปอีกนิดหน่อย และหาโปรแกรมที่ต้องใช้งาน CPU หนัก ๆ มารันค้างไว้ เช่น Prime 95 หรือโปรแกรม Benchmark ต่าง ๆ โดยที่การทำ Burn in จะทำให้เกิดการเปลียนแปลงของ Interface ต่าง ๆ ภายใต้ตัวซิป CPU ทำให้มีการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น ดังนั้น การ Burn in จึงมีส่วนช่วยให้สามารถใช้งาน CPU ได้ที่ความเร็วมากขึ้นด้วย หลักการทำ Burn in สำหรับการ Over Clock ก็คือ หลังจากที่ปรับความเร็วได้สูงที่สุดแล้ว ให้ทดลองทำ Burn in หรือใช้งานหนัก ๆ สัก 1 สัปดาห์ หลังจากนั้น จึงทดลองเพิ่ม ความเร็วไปอีก ซึ่งอาจจะได้ความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้

ประสิทธิภาพของแคช Level 2 บน CPU
ปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการ Over Clock ก็คือความสามารถของแคช L2 ว่าจะสามารถทำงานได้ตามความเร็วของ CPU หรือ FSB หรือไม่เนื่องจากการทำงานของแคช L2 นั้นจะทำงานสมัพันธ์กับความเร็วของ FSB หรือ CPU โดยขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมของระบบนั้น ๆ บน Socket7 แคช L2 จะมีความถี่เดียวกับ FSB แต่สำหรับ Pentiumll ความถี่จะเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU และบน celeron จะใช้ที่ความถี่เดียวกับ CPU เลย ดังนั้นความสำเร็จจากการ Over Clock จึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแคช L2 ด้วย ถ้าการ Over Clock ไม่สำเร็จ ก็ให้ลอง Disable Cache L2 ใน BIOS แล้วลองดูใหม่ ถ้่าระบบเสถียรขึ้น หรือสามารถบูตได้ก็แสดงว่า อาจจะมาจากสาเหตุนี้ก็ได้ (แต่อย่าลืมว่าการ Disable Cache L2 นี้จะทำให้ปประสิทธิภาพของ CPU นั้นลดลงไปด้วย)


รู้จักกับระบบความเร็วบัสต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์กันก่อน
โดยทั่วไปแล้ว การทำ Over Clock โดยการเพิ่ม FSB ให้สูงขึ้นนั้น จะเป็นการเพิ่มความเร็วของระบบบัสต่าง ๆ ในเครื่องด้วยนะครับ ดังนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่บนระบบบัสเหล่านี้ ก็จะต้องทำงานที่ความเร็วสูงขึ้นตามไปด้วย การเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น VGA Card , Sound Card หรือแม้แต่ Hard Disk ก็จะต้องสามารถรองรับการทำงานของบัสต่าง ๆ ที่สูงผิดปกตินี้ได้ด้วยครับ เพื่อความเข้าใจระบบบัสต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ง่ายขึ้น ผมขอแบ่งออกง่าย ๆ ตามนี้
ความเร็วของ External Clock หรือ FSB ส่วนใหญ่ก็จะเป็นมาตรฐานครับ เช่น 50 , 55 , 60 , 66 , 75 , 83 , 100 , 133 , 150 หรือ 180 MHz การปรัับค่าต่าง ๆ จะทำได้ละเอียดมากน้อยเ้พียงใดขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดแต่ละรุ่น
ความเร็วของ PCI Bus จะมีความเร็วมาตรฐานที่ 33 MHz หรือเป็น 1/3 เท่าของ FSB สำหรับเมนบอร์ดที่ดี ๆ ก็จะสามารถปรับอัตราส่วนของ PCI ได้หลายค่าเช่น 1/2 , 1/3 หรือ 1/4 เท่าของ FSB ก็ได้ เช่น เราสามารถใช้ FSB ที่ 133 MHz แต่ว่า PCI ยังสามารถทำงานได้ที่ 33 MHz นะครับโดยการปรับอัตราส่วนเป็น 1/4 เป็นต้น
ความเร็วของ AGP Bus โดยทั่วไปแล้ว AGP จะเป็น Slot สำหรับการ์ดแสดงผลครับ ซึ่งใน 1 เครื่องคอมพิวเตอร์จะมี AGP Slot เพียงแค่อันเดียวนะครับ โดยที่ AGP Bus จะทำงานที่ความเร็ว 66 MHz หรือเป็น 2/3 เท่าของ FSB นะครับ หลักการอื่น ๆ ก็เหมือนกันกับ PCI คือสามารถปรับเป็นอัตราส่วนความเร็วค่าต่าง ๆ เช่น 2/3 หรือ 1/2 เป็นต้น
ความเร็วของ RAM Bus ส่วนใหญ่แล้ว RAM จะทำงานที่ความเร็วเดียวกับ FSB แต่ว่าในเมนบอร์ดบางรุ่นที่ดีึ ๆ ก็ยังสามารถปรับอัตราส่วนความเร็วได้ด้วย เช่น FSB เป็น 133 MHz แต่ RAM ทำงานที่ 100 MHz
โดยสรุป ก็คือการเลือกซื้อเมนบอร์ดที่สามารถปรับค่าต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณทำการ Over Clock ได้ดีขึ้น จากข้อมูลข้างบน จะเห็นว่า หากเราใช้เมนบอร์ดแบบทั่ว ๆ ไป ใช้งาน FSB ที่ 120 MHz ลองมาดูกันนะครับ จะเห็นว่า PCI จะต้องทำหน้าที่ 40 MHz และ AGP ก็ต้องทำงานที่ 80 MHz ซึ่งอุปกรณ์บางชนิด จะไม่สามารถทำงานได้ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหา Over Clock ที่ไม่ควรมองข้ามไป

OVER CLOCK 2

การปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ ทำที่ไหน
การปรับเปลี่ยนค่าของ FSB หรือ ตัวคูณ รวมทั้งค่าต่าง ๆ เช่น Vcore ที่ผมจะำพูดถึุงต่อไป ต้องดูจากคู่มือของเมนบอร์ดประกอบด้วยนะครับ เพราะเมนบอร์ดแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกับ บางรุ่นอาจจะทำการปรับโดยการเปลี่ยน jumper บนเมนบอร์ดโดยตรง แต่บางรุ่นอาจจะเป็นการเข้าไปปรับค่าใน BIOS ครับ ดังนั้นต้องดูตามคู่มือของเมนบอร์ดด้วย หากไม่มีคู่มือ ก็คงต้องลองมองหาเอาเอง ทั้งจากเมนบอร์ดที่อาจจะมีการพิมพ์ติดไว้หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ด้วยครับว่ามีให้ปรับด้วยหรือเปล่า

เริ่มต้นการทำ Over Clock
หลังจากกำหนดความเร็วของ CPU ก็ทราบกันแล้วนะครับ ดังนั้นการทำ Over Clock ก็เริ่มต้นได้่เลย โดยการตั้งค่า FSB และ Multipel หรือตัวคูณใหม่ให้ได้ค่าที่เร็วกว่าเดิม โดยให้ทำการเพิ่มขึ้นไปทีละขั้นนะครับ เช่นจาก 400 MHz ที่ 100 x 4 ก็เพิ่มเป็น 420 MHz ที่ 405 x 4 ก่อน แล้วทดลองใ้ช้งานดูสักพักหนึ่งว่ามีปัญหาการใช้งานหรือไม่ ความร้อนเพิ่มขึ้นมามากน้อยเพียงใด หากยังเป็นปกติดี ก็ให้เพิ่มความเร็วไปเรื่อย ๆ จนถึงขีดสุดของ CPU ครับคือเครื่องจะเริ่มมีปัญหา เข้า Windows ไม่ได้ หรือเข้าได้แต่ใช้งานหนัก ๆ แล้วจะแฮงค์นั่นแปลว่าถึงขีดสุดของ CPU แล้ว ก็ให้ลดความเร็วลงมา 1 ขั้นก่อนที่จะ้เริ่มพบปัญหาครับ ถ้าการใช้งานต่าง ๆ เป็นปกติดีก็ถือว่าผ่าน (ในขั้นตอนแรกนะครับ) ขั้นตอนต่อไปก็คือการจัดการกับระบบต่าง ๆ เพื่อให้สามารถทำการ Over Clock หรือเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น โดยการปรับปรุงค่าต่าง ๆ ที่จะแนะนำต่อไป

การปรับ Vcore กับการทำ Over Clock
ก่อนอื่นมารู้จักกันก่อน Vcore คือค่าของ ไฟเลี้ยงของ CPU ซึ่งแต่ละรุ่นจะใช้ไฟเลี้ยงไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีนะครับว่า ค่าปกติของ CPU แต่ละรุ่นเป็นเท่าำำไร เช่น K6II , K6II จะใช้ 2.2 V. , Celeron , PII และ PIII จะใช้ 2.0 V. และ PIII รุ่นใหม่ ๆ จะใช้ที่ 1.6 V. ส่วนใหญ่จะสามารถเพิ่มค่าของ Vcore ขึ้นไปได้อีกประมาณ 0.2 - 0.4 V. โดยที่การเพิ่ม Vcore ให้มากขึ้นก็จะสมารถทำให้การ Over Clock ทำได้มากขึ้นตามไปด้วย แต่การเพิม Vcore ไปมากเท่าไร ความร้อนของ CPU ก็จะเพิ่มมากตามไปด้วยนะครับ หลักการเพิ่ม Vcore โดยทั่วไปก็คือ ให้เพิ่มขึ้นทีละน้อยทีสุดครับ เช่นทีละ 0.05 V. หรือทีละ 0.1 V. และทดลองใช้งานดู หากยังไม่เสถียรนัก ก็ลองเพิ่ม Vcore ขึ้นไปอีก โดยที่รวมแล้ว ต้องไม่มากจนเกินไปนะครับ คือ ไม่ควรเกินกว่าปกติมากกว่า 0.2 - 0.4 V. ไม่เช่นนั้น CPU ของคุณอาจพังได้นะครับ (สำหรับท่านที่โชคดี ได้ CPU ตัวที่ดี ๆ มาใช้อาจจะสามารถนำมาทำ Over Clock โดยที่ไม่ต้องเพิ่มไฟ Vcore เลยก็ได้ แต่ค่อนข้างจะหายาก)อีกนิด สำหรับ CPU แบบ Slot 1 ส่วนใหญ่จะเป็นการ Detect จากเมนบอร์ด ทำให้เราไม่สามารถปรับค่าไฟ Vcore ให้เพิ่มขึ้นได้นะครับ แต่ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการปิดขา CPU เพื่อเพิ่มไฟ ลองหาอ่านจาก Link การเปิดขา CPU slot - 1 เพื่อเพิ่ม Vcore

การระบายความร้่ิืิอนที่ดี สำหรับการทำ Over Clock
หัวใจสำคัญของการทำ Over Clock ก็คือการระบายความร้อนออกจากตัว CPU ยิ่งเราทำการระบายความร้อนได้ดีมากเพียงใด ก็จะทำให้เราสามารถทำ Over Clock ได้มากขึ้นเท่านั้นครับ และยังสามารถยืดอายุการใช้งานของ CPU ได้อีกด้วย วิธีการระบายความร้อนก็มีอยู่ำไม่กี่วิธีนะครับ ลองอ่านและืำืทำความเข้าใจ หลังจากนั้นลองเลือกทำตามที่คุณคิดว่าพอจะทำได้ อันไหนมันโหดเกินไป ก็ข้าม ๆ ไปบ้างก็ได้ (แต่ถ้าทำได้ทุกอย่างก็ดี)
-การเปลี่ยนพัดลมระบายความร้อนของ CPU
-การติดพัดลมที่เคสเพิ่มเติม
-การขัด Heatzing ให้เรียบขึ้น
-การทำ Lapping CPU
-การใช้ ซิลิโคน ทาระหว่าง CPU กับแผ่น Heatzing
-การทำระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
-การเปิดฝาเคส และใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน
-การใช้เคสแบบพิเศษ

OVER CLOCK 1

Over Clock คืออะไร
คือการนำเอาอุปกรณ์เช่น CPU ที่ออกแบบมาสำหรับให้ทำงานที่ความเร็วค่าหนึ่ง แต่นำมาใช้งานที่ความเร็วสูงกว่านั้น เช่น CPU ความเร็ว 400 MHz แต่นำมาใช้งานที่ 500 MHz แทน หรือนำเอา CPU ที่เป็นนรุ่นความเร็ว 500 MHz มาทำงานที่ความเร็ว 667 MHz อะไรทำนองนี้ครับ ภาษาที่ใช้แทนสำหรับการ Over Clock ก็เช่น 400@500 หรือ 500@667 เป็นต้น นอกจากนี้ อุปกรณ์อื่น ๆ ก็สามารถนำมา Over Clock ได้เหมือนกันนะครับ เช่น RAM ที่เป็นแบบความเร็ว 100 MHz แต่นำมาทำงานที่ความเร็ว 133 MHz รวมถึงการ Over Clock การ์ดจอด้วยครับ เช่นปกติการ์ดจอทำงานที่ความเร็ว 110 MHz แต่เราตั้งให้ทำงานที่ 120 MHz อย่างนี้เรียกว่า Over Clock เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วนิยมทำ Over Clock กับ CPU มากกว่า

ข้อดีของการ Over Clock
ที่เห็นชัดเจนคือได้ใช้ CPU ที่มีความเร็วมากขึ้น โดยที่จ่ายเงินซื้อในราคาเท่าเดิม เช่น แทนที่จะซื้อ CPU ความเร็ว 500 MHz ก็เปลี่ยนแปลงเป็นการซื้อ CPU ที่มีความเร็ว 400 MHz มาทำ Over Clock เป็น 500 MHz ซึ่งผลที่ได้ก็คือ ได้ใช้งาน CPU ที่ความเร็วเท่ากันในราคาที่ถูกกว่า และอีกแนวทางหนึ่ง ก็คือสมมุติว่า คุณใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ไปนาน ๆ แล้ว เกิดมีความรู้สึกว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่นั้น เริ่มจะมีความเร็วช้าไปบ้าง แต่ยังไม่อยากที่จะลงทุนเปลี่ยนเครื่องหรือ Upgrade เปลี่ยน CPU ใหม่ การนำเอา CPU ตัวเดิมนั้นมาทำ Over Clock ก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง ที่จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้นมา โดยการเสียเงินน้อยที่สุดครับ นอกจากนี้ยังได้ความรู้เกี่ยวกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย

ข้อเสียของการ Over Clock
เท่าที่ทราบมาจะเป็นการลดอายุการใช้งานของ CPU ลงไป เช่นจากเดิมที่เคยออกแบบมาให้ใช้งานได้ประมาณ 15 ปี ก็อาจจะมีอายุสั้นลงมาเหลือแค่ 10 ปีเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คงจะไม่มีใครใช้งาน CPU ได้นานขนาดนั้นหรอกครับ อีกข้อหนึ่งก็คือ เรื่องความร้อนของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะมีมากขึ้นเมื่อทำการ Over Clock เพราะว่าเหมือนกับการใช้งาน CPU แบบเกินกว่าค่าปกตินะครับ อ้อ อีกอย่างหนึ่ง เขาบอกว่า CPU ของคุณจะหมดประกันทันทีที่ทำการ Over Clock (ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า จะตรวจสอบได้อย่างไร)

อันตรายจากการทำ Over Clock
ข้อควรระวังอย่างมากก็คือ ไม่ควรที่จะทำการ Over Clock มากเกินไป และต้องระวังเรื่องของการระบายความร้อนให้ดีด้วย (เมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ จะสามารถดูค่าความร้อนจาก BIOS ได้โดยตรงครับ) หาก CPU ร้อนมาก ๆ ก็อาจจะเสียหายถึงขั้นพังไปเลยได้นะครับ ระวังกันให้ดีนะครับ หากใครอยากจะลอง ก็ขอให้่ใช้วิธีีค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีละขั้นครับ และตรวจสอบความร้่ิิอนของ CPU อยู่เสมออย่าให้ร้อนจนเกินไป

จะเพิ่มความเร็วของ CPU ได้อย่างไร
ความเร็วของคอมพิวเตอร์ที่เรียกกันว่ากี่ MHz มาจากตัวเลข 2 ตัวคูณกันครับ คือ FSB กับ Multiple หรือเรียกง่าย ๆ คือความถี่กับตัวคูณ นั่นเอง ปกติแล้ว CPU รุ่นเก่า ๆ เช่น Pentium 100 ถึง Pentium ll รุ่นแรก ๆ และ Celeron จะใช้ FSB เป็น 66 MHz ถ้าเป็น CPU รุ่นหลังจากนั้นมา มักจะใช้ FSB ที่ 100 MHz หรือ 133 MHz แล้วครับ ความเร็วที่ได้ก็จะมีตัวคูณกำหนดเพิ่มเข้าไปด้วย ผมยกตัวอย่างเช่น 100 MHz จะมาจาก FSB = 66 กับตัวคูณ 1.5 ครับ หรือ 133 MHz = 66 x 2 , 200 MHz = 66 x 3 , 366 MHz = 66 x 5.5 , 400 MHz = 100 x 4 , 600 MHz = 100 x 6 หรือ 667 MHz = 133 x 5 เป็นต้นดังนั้น หลักการเพิ่มความเร็วให้กับ CPU แบบง่าย ๆ ก็คือ ให้เพิ่มค่าของ FSB หรือ ตัวคูณเข้าไป เช่นจาก CPU ตัวเดิมเป็น 400 MHz ที่ 100 x 4 เราอาจจะตั้งค่าใหม่เป็น 100 x 4.5 แทนก็จะได้ความเร็ว 450 MHz ครับ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะง่ายอะไรขนาดนั้น สำหรับ CPU ของ AMD เช่น K6ll , K6ll ก็อาจจะใช้วิธีนี้ได้เลยแต่หากเป็น CPU ของ Intel รุ่นหลัง ๆ จะมีการล็อคตัวคูณมาจากโรงงานไว้แล้่วเพื่อป้องกันผู้ขายหรือร้านค้านำมาทำ Over Clock แล้วลบตัวเลขความเร็วบนซิป โดยพิมพ์ตัวเลขค่าความเร็วที่สูงกว่าแทน นำมาหลอกขายลูกค้าหรือที่เรียกว่า CPU Remark ครับ ดังนั้นการ Over Clock CPU ของ Intel ก็จะไม่สามารถใช้วิธีการเพิ่มตัวคูณได้นะครับ ต้องใช้วิธีการเพิ่ม FSB อย่างเดียวเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การสร้าง Keyboard บนหน้าจอคอมพิวเตอร์(มีด้วยรึ)

การสร้างคีย์บอร์ดบนหน้าจอ อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
หรอกนะครับ แต่อยากให้รู้ว่ามัีนสามารถทำได้ และเป็นเกร็ดความรู้ให้ท่านได้
เพราะหลายท่านก็คงไม่เคยรู้แน่เลยใช่ไหมครับ เรามาเริ่มกันเลย
1. ใ้ห้ท่านเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาครับ(Win+R)
2. พิมพ์ข้อความ OSK เข้าไปแล้วกด Enter เท่านี้ท่านก็จะเห็นรูปคีย์บอร์ดขึ้นมาแล้วละ่ครับ
3. อีกวิธี ก็คือให้ท่านคลิกที่ Start>All program>Accessories>Accessibility เลือก On-ScreenKeyboard
3. การใช้งานคีย์บอร์ดท่านต้องใช้เมาส์ชี้ปุ่มที่ต้องการใช้แล้วก็ คลิก

ที่มา http://www.smiletips.com/Tips/Windowtips/windowtips20.asp
Eve
หลายครั้งที่ท่านต้องรอนานกับการโหลดเว็บไซต์บางเว็บเพียงเพื่ออ่านข้อมูลบางข้อมูลที่ต้องการ
ทางออกที่ดีมากๆอย่างหนึ่งก็คือการไม่โหลดรูปภาพ จะทำให้การโหลดของท่านเร็วขึ้นมาเลยละ่ครับ
เพราะบางเว็บไซต์มีรูปขนาดใหญ่ทำให้ต้องใช้เวลาในการโหลดนาน เข้าวิธีการกันเลย
1. เปิดหน้าต่าง IE ขึ้นมาก่อนครับ
2. คลิกที่เมนู Internet Options
3. คลิกที่แท็บ Advance แล้วเลื่อนสกอร์ลงมาที่หัวข้อ Multimedia
4. คลิกยกเลิกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ Show pictures แล้วคลิก OK แล้วทำการโหลดเว็บไซต์ได้เลย
รูปทั้งหลายก็จะไม่มาให้ท่านเห็นเลยครับ แต่ท่านก็โหลดได้เร็วกว่าเดิมนะครับ ลองดู



ที่มา http://www.smiletips.com/Tips/Internettips/IEtips/IEtips13.asp
Eve

20 สุดยอด วิธีแก้ปัญหากวนใจชาว Windows

โอ้สวรรค์! เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่ระบบ Windows เป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย ปัญหาพวกระบบค้างและบั๊กต่างๆ ที่มาคอยกวนใจเราชาว XP ก็หาได้ยากยิ่งนัก เอาล่ะ…พอเหอะ! ที่ชาวบ้านเค้าจะเผ่นหนีไปใช้ Linux หรือ OS อื่นๆ กันหมด เพราะพวกเค้าเริ่มทนไม่ได้กับปัญหาเหล่านั้นแล้วล่ะ
จริงๆ แล้วคุณก็พอแก้ปัญหาได้อยู่ใช่มั้ย? คุณมี System Restore ที่ใช้แก้ปัญหาแบบฟันฉับเดียวรักษาทุกโรค หรือถ้าอาการหนักจริงๆ ก็เสกคาถา [F8] ตูมเดียวให้ระบบเลือกบูท Last Known Good Configuration เป็นท่าไม้ตายสุดยอด
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยให้คุณจัดการกับ เรื่องยุ่งยากทั้งหลายกับ 20 วิธีแก้ปัญหาชิวๆ ที่แม้ไม่สามารถชุบชีวิต PC ที่ขึ้นสวรรค์ไปแล้วให้กลับมาได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณสุขภาพจิตดีขึ้นบ้างล่ะน่า ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมพังหรือเน็ตเวิร์กทำงานแปลกๆ หรือเมื่อระบบไม่ยอมให้คุณใช้งานใดๆ เรารวบรวมไว้ให้คุณทั้งหมดแล้ว

1. วิธีใช้งาน CHKDISK แบบเร็ว
เมื่อแน่ใจว่าฮาร์ดดิสก์เกิดอาการเพี้ยนๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการแปลกๆ ตอนบูทเครื่อง, เปิดโปรแกรมไม่ค่อยขึ้น หรือมีข้อความแปลกๆ ไม่ได้รับเชิญปรากฎขึ้นมา คงต้องใช้ Chkdsk ที่มากับ Windows XP เพื่อสแกนตรวจหาปัญหาใน sector ของฮาร์ดดิสก์และซ่อมมันให้เรียบร้อย แม้ว่าคุณสามารถเปิดโปรแกรมได้จาก Recovery Console แต่ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพียงคลิกขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties มองหาช่องที่เขียนว่า Tools แล้วคุณจะเห็นปุ่มที่ใช้เรียกมันขึ้นมา หากคุณต้องการสแกนไดรฟ์หลัก คุณจะต้องสั่งรีบูทเครื่องหลังจากเสร็จสิ้นการสแกนด้ วย

2. ส่ง Error Reporting ไม่ได้
มันเป็นฟังก์ชันที่ดีมากๆ ที่ให้เราๆ สามารถส่งข้อมูลว่าโปรแกรมไหนเสียยังไงไปให้ Microsoft ได้ แต่บางทีฟังก์ชัน Error Reporting ก็เสียซะเองนี่สิ มันเป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโปรแกรมออนไลน์ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมหรืออินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ ก็มักจะมีปัญหาระบบภายในอยู่บ่อยๆ หากต้องการให้มันหายเป็นปกติ ก็ใส่ซีดีติดตั้ง XP เข้าไปแล้วพิมพ์คำว่า sfc/scannow ตรงหน้าต่าง Run เท่านี้ก็เรียบร้อย

3. เชื่อมต่อสัญญาณเน็ตเวิร์กไร้สายไม่ได้
หากคุณไม่สามารถเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กไร้สายได้ทั้งๆ ที่การทำงานของ WiFi ก็บอกคุณอยู่โท่งๆ ว่ามันมีสัญญาณเต็มเปี่ยม บางทีปัญหาอาจจะมาจากโปรแกรม Wireless Zero Configuration ของอีตา Microsoft ก็ได้ ให้คุณคลิกขวาที่ My Computer เลือก Manager แล้วขยาย Services and Applications ออกมา ภายใต้ Services หาคำว่า Wireless Zero Configuration แล้วดับเบิ้ลคลิก คุณจะมาโผล่ที่แท็บ General สั่ง Stop เพื่อหยุดการทำงานของมัน รอสักครู่แล้วสั่งเปิดการทำงานของมันใหม่ driver อุปกรณ์ไร้สายน่าจะทำงานถูกต้องแล้ว และคุณก็น่าจะเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว

4. ลืมรหัสผ่าน ทำไงดี?
หากคุณทำรหัสผ่านของ User Account หาย รีบูทเข้า Safe Mode เลือก log on user เป็น Administrator ปกติ account นี้จะถูกซ่อนอยู่ (ซึ่งคุณจะได้สิทธิ์และอำนาจเป็นผู้ดูแลระบบ) และหากคุณไม่เคยสร้าง account นี้ตอนติดตั้ง XP ก็กดเข้าไปได้เลย ไม่ต้องใส่รหัสผ่าน จากนั้นเปิด Control Panel แล้วสั่ง reset the User Account passwords เท่านี้ก็เรียบร้อย

5. ป้องกันการติดตั้ง driver
หากคุณต้องการเก็บ driver ของอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออยู่ในขั้นทดลองให้พ้ นจากระบบของคุณ คุณก็สามารถสั่งให้ Windows XP จัดการปิดบัญชีเรื่องนี้ได้เลย ให้เปิด System Properties แล้วคลิกแท็บ Hardware และเลือก Driver Signing ที่นี่คุณสามารถสั่งปิดกั้น driver ที่ไม่ได้เรื่องทั้งหมด (หรือจะให้มีข้อความขึ้นเตือนก่อนก็ได้) สั่งให้ป้องกันทั้งระบบ หรือไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ระบบคนอื่นๆ มาติดตั้ง driver ซี้ซั้วและอาจทำให้คุณตกที่นั่งลำบากได้

6. สำรองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไว้ขณะกำลังเขียนแผ่น CD/DVD
หากคุณสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่เขียนแผ่น CD หรือ DVD พื้นที่ฮาร์ดดิสก์จะลดลงไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าโปรแกรมเขียนแผ่นกำลังใช้พื้นที่ฮาร์ ดดิสก์ในการเก็บอิมเมจไฟล์ไว้ตรงไหนสักแห่งในเครื่อง PC ของคุณ ลองกลับไปดูตัวเลือกของโปรแกรมแล้วปิดคำสั่งเล่นซ่อน หาไฟล์อิมเมจนี้ซะ อ้อ! ปกติแล้วมันน่าจะเก็บไฟล์ไว้ที่ My Documents ไม่ก็ Program Files

7. หลีกเลี่ยงปัญหาตอนบูทเครื่อง
หากระบบของคุณบูทช้าแบบสุดๆ และคุณก็ไม่ต้องการติดตั้งระบบใหม่ งั้นลองฟังก์ชัน Hibernate แทนการปิดเครื่องดูสิ คุณสามารถเปิดการใช้งานนี้ได้โดยไปที่ Power Options (ซึ่งอยู่ใน Display Properties ของ Screen Saver) จากนั้นเมื่อคุณคลิก Turn Off Computer ให้กด [Shift] ค้างไว้แล้วเลือก Stand By เพื่อใช้คำสั่ง Hibernate นี้

8. อยากลบไฟล์งี่เง่าที่ลบยังไงก็ลบไม่ออก
หากคุณไม่สามารถลบไฟล์ด้วยวิธีธรรมดาๆ แล้ว ให้เปิด Command Prompt แล้วเปลี่ยน path ไปให้ถึงที่ที่ไฟล์เจ้าปัญหานั้นอยู่ จากนั้นสั่งปิด explorer.exe โดยใช้โปรแกรม Task Manager เลือกแท็บ Processes กลับไปที่ Command Prompt แล้วพิมพ์ DEL เว้นวรรค ตามด้วยชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ New Task แล้วพิมพ์คำว่า explorer.exeเสร็จแล้วก็เปิด Task Manager คลิก File เพื่อให้หน้าจอเดสก์ท็อปกลับมาเป็นอย่างเดิม

9. ไฟล์ไม่ได้มาตรฐานไสหัวไปให้หมด!!
อะจ๊าก! ค้างอีกแล้ว…มันเกิดอะไรขึ้น?
คุณไม่เพียงแค่อยู่ให้ห่างจาก driver ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเดียวเท่านั้น ไฟล์ที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เก ิดปัญหาได้ไม่แพ้กัน เพราะว่าระบบ PC มีการออกแบบที่ดีเยี่ยม (จริงแล้วห่วยสุดๆ ) แบบว่าไฟล์ระบบอาจถูกทับโดยการติดตั้งโปรแกรมหรืออุป กรณ์ต่างๆ หรือไม่ก็อาจถูกอัพเดทจากโปรแกรมหรือ malware ตัวร้ายได้เสมอ ดังนั้นคุณอาจต้องสแกนฮาร์ดดิสก์ของคุณแม้ไม่อยากทำเ ลยก็ตาม เพียงคลิก Run แล้วพิมพ์ sigverif โปรแกรม File Signature Verification ก็จะเปิดขึ้นมา ให้คุณคลิก Start เพื่อเริ่มทำงานได้เลย อย่าลืมเตรียมแผ่นติดตั้ง XP ไว้ให้พร้อมด้วยนะ
“หากระบบของคุณบูทช้า และคุณก็ไม่ต้องการติดตั้งระบบใหม่ ลองฟังก์ชัน Hibernate แทนการปิดเครื่องดูสิ”

10. ไดรฟ์ CD/DVD หายไปไหนแว้ว!?
เพราะว่า Windows XP มีเรื่องที่ต้องจดจำเยอะแยะไปหมด ฉะนั้น…บางทีเฮียเค้าเลยเกิดอัลไซเมอร์รับประทาน ลืมไดรฟ์ CD/DVD ของคุณไป แม้ว่ามันจะเห็นอยู่ทนโท่ใน Device Manager ก็ตาม ในกรณีนี้ให้คุณเปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY-LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentConstrolSet\Control\Cl ass\{4D36E965-E325-11CE-EBC1-08002BE10318} แล้วลบค่าใน UpperFilters กับ LowerFilters ออกไป จากนั้นรีบูทเครื่อง 1 ครั้ง คุณต้องติดตั้งโปรแกรมเขียนแผ่นใหม่ด้วยแหละ…ซวย 2 ชั้นของจริง

11. ไฟล์/โฟลเดอร์นี้…ฉันจอง
ถ้าหากคุณไม่สามารถทำอะไรกับไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่อยู่ ใน Windows XP ได้ เนื่องจากอาจมีใครใช้อยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณอาจต้องติดป้ายแสดงความเป็นเจ้าของไฟล์/โฟลเดอร์ไว้ โดยคลิกขวาที่ไฟล์/โฟลเดอร์ที่ต้องการแล้วเลือก Properties จากนั้นเลือก Security, Advance และ Owner ตามลำดับ ตรงรายชื่อให้คุณเลือก username ของคุณ (หรือ Administrator ถ้ามี) เสร็จแล้วเลือก Replace owner on subcontainers and objects

12. ยกเลิกการทำดัชนีไฟล์ (File Index)
หากคุณไม่ได้มีความจำเป็นเลิศเหมือนพวกปากหอยปากปู และปกติคุณก็ใช้โปรแกรม Search ในการค้นหาเฉพาะไฟล์เอกสารกับรูปภาพยุคพระเจ้าเหาแค่ นั้น การทำดัชนีไฟล์ดูจะเป็นการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกิน ไปจนทำให้อะไรๆ ช้าลงไป ถ้าอยากจะปิดมัน…ง่ายมาก เพียงเปิด My Computer คลิกขวาที่ไอคอนฮาร์ดดิสก์ เลือก Properties ให้ดูที่แท็บ General แล้วคุณจะเห็นตัวเลือกการทำดัชนีไฟล์ ให้สั่งปิดมันไปเลย…จบ

13. Firewall ที่น่ารำคาญ
หาก Firewall ที่ติดตั้งมากับ Windows ทำให้คุณประสาทเสียและคุณก็ไม่รู้จะปิดมันจาก control Panel ยังไง (เพราะว่าตัวเลือกที่จะปิด มันเป็นสีเทาอยู่น่ะสิ) ให้คุณเปิดหน้าต่าง Run แล้วพิมพ์ net start SharedAccess ไม่ต้องมีเครื่องหมายคำพูดนะ และกลับกัน…หากคุณต้องการปิดมันก็ให้พิมพ์ net stop SharedAccess

14. อย่าใช้ Super Prefetch เลยคุณ
ไอ้ที่เค้าคุยไว้ว่าจะมีฟังก์ชันที่เข้ามาช่วย registry ให้สามารถทำงานได้เร็วฟ้าผ่า ด้วยเทคโนโลยี Super Prefetch ที่มีเฉพาะ Service Pack 2 กับ Windows Vista น่ะ ขี้โม้สุดๆ เลยคุณ เพราะแม้ว่าจะปรับ registry ไปแล้ว ระบบของคุณก็ยังทำงานช้าเป็นเต่าอยู่ดี เว้นแต่คุณจะสั่ง defrag ไฟล์ Prefetch ซะก่อน เพียงเปิดหน้าต่าง Run แล้วพิมพ์ defrag c: -b

15. Logon ให้เร็วขึ้น
Autoexec.bat เป็นไฟล์ที่ใช้สั่งให้โปรแกรมทำงานตอนบูทเข้าระบบ Windows แต่ก็ไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะว่า Windows XP ทำงานด้วยขั้นตอนที่ต่างไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายโปรแกรมที่ยังมีไฟล์นี้อยู่ และบางทีก็อาจทำให้การเข้าระบบเร็วขึ้นก็ได้ งั้นอย่ารอช้า รีบเปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Winlogon แล้วสร้างหรือแก้ไขค่าของ ParseAutoexec DWORD ให้เป็น 0 จากนั้นรีบูทเครื่องดู

16. ปิดเครื่องแล้วค้าง ทำไงดี?
ถ้าคลิก Shut Down แล้วอีก 20 นาทีต่อมาเครื่องของคุณยังค้างอยู่ แถมยังเจอปัญหาว่า Adobe Reader เพี้ยนไปแล้ว ปิดไม่ลงจ้า!! คงน่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ แต่ไม่เป็นไร ให้คุณไปจบชีวิตเพี้ยนๆ ของมันที่ RegEdit และเข้าไปเปลี่ยนค่าของ HKEY_USERS\DEFAULT\Control Panel\Desktop\AutoEndTasks ให้เป็น 1 ค่านี้จะทำให้ Windows XP หลับหูหลับตาปิดข้อความแจ้งปัญหาที่จะทำให้ระบบของคุ ณทำงานช้าลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมด

17. ปัญหาโปรแกรมไม่เสถียร
ถ้าอยู่ๆ โปรแกรมที่เคยใช้งานดีๆ เกิดดื้อแพ่ง ระเบิดตัวเองหรือค้างแหง่กๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่าไฟล์ .dll ของมันเองอาจทำงานไม่เรียบร้อยตอนที่คุณเลิกใช้โปรแก รมนั้นๆ พอนานเข้า ก็เลยยิ่งไม่เสถียรหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่าแล้วก็เปิด RegEdit แล้วไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer แล้วสร้างค่า DWORD ที่ชื่อว่า AlwaysUnloadDll ขึ้นมาใหม่ แล้วตั้งค่าให้เป็น 1

18. ล้างบางข้อมูลตอนติดตั้งโปรแกรม
เมื่อเวลาติดตั้งโปรแกรมผิดพลาดและคุณไม่สามารถติดตั ้งใหม่ได้ (มักมีอะไรบางอย่างผิดปกติจนทำให้เกิดความผิดพลาดในซ อฟต์แวร์ Java) ดังนั้นคุณจะต้องเอาไฟล์เน่าๆ ที่ค้างอยู่ในเครื่อง PC ของคุณตอนติดตั้งครั้งแรกออกไปซะก่อน แต่ถ้าจะมานั่งหาเองคงไม่หมู เพราะไฟล์ส่วนใหญ่จะหลบอยู่ตามหลืบต่างๆ ทางที่ดีควรใช้โปรแกรม Windows Installer CleanUp จัดการให้ดีกว่า คุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ได้ที่ support.microsoft.com/kb/290301 แล้วใช้มันสแกนหาเศษซากไฟล์ที่เหลืออยู่ติดตั้งเพื่อ ให้คุณลบมันทิ้งไปเอง

19. Defragment สะดุด…ทำไงดี?
ถ้าเกิดโปรแกรม Defragment ที่ติดมากับ Windows ทำงานอืดลงกว่าเมื่อก่อน หรือไม่ยอมทำงานให้คุณเลย อาจเป็นเพราะว่ามี sector ในฮาร์ดดิสก์เสียจนทำให้ระบบหยุดการทำงานก็เป็นได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว สาเหตุน่าจะมาจากไฟล์สำรองที่โปรแกรมเว็บบราวเซอร์เก ็บไว้ทำ cache เป็นตัวก่อปัญหามากกว่า วิธีง่ายๆ ที่จะเขี่ยไฟล์เหล่านี้ออกไป ก็เพียงแค่ใช้โปรแกรม Chkdsk ก่อนทุกครั้งที่จะใช้โปรแกรม Defragmenter ก็เท่านั้น

20. ครั้นจะปิดโปรแกรม Outlook มันช่างยากเย็นกว่าที่คุณคิด…
หากคุณใช้ Outlook 2003 อยู่ ก็คงเห็นไอคอนโปรแกรมอยู่ตรง system tray และมันก็ยังทำงานไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าคุณจะสั่งปิดโปรแกรมไปแล้วก็ตาม แบบว่ามันยังตรวจเช็คอีเมลอยู่ แต่ไม่ยอมให้คุณใช้งานมันแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ให้คุณใช้ Task Manager สั่งจับตายทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Outlook ให้หมด จากนั้นค่อยเปิด Outlook ใหม่แล้วคลิก Tools, Options, Other, Advanced Options และเลือก COM Add-ins ตามลำดับ พวกโปรแกรมเสริมที่เห็นนี้คือโปรแกรมยี่ห้ออื่น (เช่น ตัวสแกนไวรัส) และหากโปรแกรมเหล่านี้ยังทำงานอยู่ตอนที่คุณสั่งปิดโ ปรแกรมไป (แบบว่ายังสแกนอีเมลของคุณอยู่) โปรแกรมนั้นก็จะยังทำงานที่ค้างอยู่ต่อไป ดังนั้นให้คุณยกเลิกการใช้ Add-ins นี้ทีละอันจนกว่าคุณจะเจอว่าโปรแกรมไหนที่สร้างปัญหา ให้คุณ

ที่มา thaigaming.com
Eve

แป้นพิมพ์แบบดีโวแร็ค


แป้นพิมดีโวแร็ค(Dvorak keyboard)
คือผังแป้นพิมพ์อีกหนึ่งทางเลือกจากแบบQWERTY ซึ่ง August Dvorak เป็นผู้คิดค้นผังแป้นพิมพ์Dvorak และได้จดสิทธิบัตรในปีพ.ศ.2479 โดยแป้นพิมพ์ Dvorak ได้ออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพ และความเหนื่อยล้าในการพิมพ์ที่เกิดขึ้นด้วยแบบQWERTY โดยแบบDvorak นั้นจะเป็นในลักษณะที่เรียงตัวอักษรตามระดับความถี่ที่ใช้แทน เช่นตัวอักษรe ที่ใช้บ่อยนั้นจะอยู่ในแถวกลาง ทำให้การเคลื่อนไหวของมือน้อยลงเวลาพิมพ์ ปัจจุบันนี้ระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่รองรับผังแป้นพิพ์Dvorak



ที่มา: http://wikipedia.org/

saRunya ^^ 084

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Bluetooth กับ Wi-Fi

Bluetooth ไม่ใช่ Wi-Fi แต่มันคือเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้สัญญาณวิทยุคลื่นสั้น โดยใช้สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น ชุดหูฟังไร้สาย คอมพิวเตอร์ และพีดีเอกับโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่ง Bluetooth บนมือถือจะสามารถเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ดีในระยะไม่เกิน 30 ฟุต สำหรับ Wi-Fi ก็เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายเหมือนกัน แต่จะมีรัศมีการใช้งานที่ไกลกว่ามาก และโดยทั่วไปจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

เครดิต::http://www.arip.co.th/tips.php?id=404761

พัณณิตา(นุ้ย)

ใช้ Facebook อย่างปลอดภัย

ข่าวคราวเกี่ยวกับ Facebook ในช่วงที่ผ่านมามีมากมาย และหลายๆ เรื่องก็เกี่ยวกับเรื่องหลุดๆ ลับๆ ที่ไปโผล่อยู่บน Facebook อย่างล่าสุดมีกรณีที่ข้อมูลส่วนตัวของหัวหน้า MI6 (ต้นสังกัดของสายลับอย่างเจมส์ บอนด์) เกิดหลุดออกไปบนอินเทอร์เน็ตผ่าน Facebook อย่างไม่น่าให้อภัย เพราะทางการอังกฤษต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อปิดบังข้อมูลดังกล่าว แต่ภรรยาของหัวหน้า MI6 ที่ว่ากลับเผยแพร่ทั้งภาพและรายละเอียดส่วนตัวในที่สาธารณะซะงั้น

เสน่ห์ ของ Facebook มีหลายอย่าง แน่นอนว่าการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเพื่อนฝูงที่รู้จัก ทำให้ความสัมพันธ์ของผู้คนใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้แม้แต่บิลล์ เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันบน Facebook แม้ล่าสุดจะมีข่าวว่าเลิกเล่นไปแล้วก็ตาม เพราะโดนขอเป็นเพื่อนเยอะเกินจะรับไหว

ว่าไปแล้วสิ่งที่หลายคนกลัวมาก ที่สุดก็คือ เรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้ แต่กลับถูกเปิดเผยไว้บนวอลล์ของ Facebook ที่ทำให้ทุกคนที่คุณรู้จักได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมไปด้วย ซึ่งถ้าคนที่คุณเป็นเพื่อนด้วยบน Facebook นั้นมีแต่เพื่อนสนิทจริงๆ นั่นก็คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร แต่หลายครั้งเพื่อนเหล่านั้น -- ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เป็นเจ้านายบ้าง คู่ค้าทางธุรกิจบ้าง ลูกน้องบ้าง หรือแฟนเก่าบ้าง

รับรองว่าคุณต้องมีหลายๆ เรื่องที่ไม่อยากให้คนเหล่านี้ได้รับรู้แน่นอน ซึ่งหากไม่เตรียมการให้ดีๆ รับรองว่าการแก้ไขปัญหาทีหลังนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

ฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์หน้าตาให้ต้องปกป้อง การเปิดโล่งบัญชี Facebook ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างยิ่ง อย่าลืมว่า Facebook ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในด้านธุรกิจ อย่าลืมพิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้ก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่ Facebook แบบเต็มตัว:

  • Facebook ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นโดยคนหนุ่มสาวเพื่อคนหนุ่มสาว ก่อนหน้านี้อีเมล์ที่จะสมัครเข้าไปเปิดบริการ Facebook ได้ต้องเป็นอีเมล์ที่ลงท้ายด้วย .edu ซึ่งก็คือ คนที่เรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ และแม้กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่ได้ถูกบังคับใช้แล้วในวันนี้ แต่ดีเอ็นเอของ Facebook ไม่เปลี่ยนแปลง เว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้หลายคนได้โอ้อวดวีรกรรมสมัยเรียน ไม่น่าจะช่วยให้ภาพพจน์ความเป็นมืออาชีพทางธุรกิจของคุณดูดีขึ้นแม้แต่น้อย
  • อิน เทอร์เฟซการใช้งานที่ดูยุ่งยาก เป็นผลมาจากแนวทางการออกแบบเพื่อผู้ใช้ซึ่งอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย มีเซนส์ในการเล่นวิดีโอเกม และก็ไม่ได้สนใจในเรื่องเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางธุรกิจเลยแม้แต่น้อย ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่ายและแก้ไขได้ยากเมื่ออยู่บน Facebook ซึ่งต่างจากแอพพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในธุรกิจโดยเฉพาะ
  • คุณไม่ สามารถคาดเดาหรือควบคุมได้เลยว่า จะมีใครที่ขอเข้ามาเป็นเพื่อนของคุณบ้างบน Facebook จะตอบรับอย่างไรถ้าเจ้านายหรือลูกค้าของคุณขอเป็นเพื่อนบน Facebook ด้วย? จะปล่อยให้คนเหล่านั้นเข้ามาเห็นพฤติกรรมความร่าเริงแบบเกินตัวของคุณสมัย เรียนหรือที่ยังเป็นอยู่แม้แต่ในขณะนี้ หรือว่าจะกล้าปฏิเสธการขอเป็นเพื่อนดังกล่าว? นี่เป็นสถานการณ์ที่ชวนปวดหัวอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการเล่น Facebook
  • Facebook มักปล่อยคุณสมบัติใหม่ๆ ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกันโดยไม่มีประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า ไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีคุณสมบัติที่ติดตามการชอปปิงของผู้ใช้แล้วเผยแพร่ให้ คนอื่นๆ ได้รู้กันทั่ว ซึ่งน่นอนว่าโดนประท้วงโดยผู้ใช้อย่างแรง และตามมาด้วยคดีความละเมิดสิทธิส่วนบุคคลต่างๆ มากมาย แต่รับรองว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นอะไรแบบนี้บน Facebook แน่นอน ความจริงต้องตั้งคำถามตั้งแต่แรกแล้วว่า Facebook เก็บบันทึกข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใช้ไปตั้งแต่แรกเพื่อจุดมุ่งหมายอะไร?
  • การ หลอกลวงทาง Facebook กำลังเริ่มระบาด มีกรณีที่ Facebook ของคนรู้จักโดนแฮก และมีการส่งข้อความหาเพื่อนหลายๆ คนทำนองว่าต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน และเริ่มมีการแช็ตกันจริงจังเพื่อเริ่มกระบวนการหลอกลวง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ระแวงอะไร มันก็เป็นเพียงแค่คำร้องขอจากเพื่อนคนหนึ่งที่คุณรู้จักและเต็มใจจะช่วย เหลือ แต่บางครั้งอาจเป็นเพียงแค่การอาศัยประโยชน์จาก Facebook โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย หากเจอกับสถานการณ์แบบนี้จริง ติดต่อกันโดยตรงดีที่สุด จะทางโทรศัพท์หรือจะนัดเจอกันก็ได้ หากใครพอจะได้เค้าลางว่ากำลังโดนหลอก แจ้งตำรวจเอาไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด

หรือ บางครั้งคุณอาจได้รับคำร้องขอเป็นเพื่อนผ่าน Facebook ที่ชักชวนให้ดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับเล่นไฟล์วิดีโอ ซึ่งโปรแกรมที่ว่านั้นแท้จริงก็คือ โปรแกรมอันตรายที่กำลังจะแอบแฝงตัวเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งอาจจะมีการชักชวนทั้งผ่านทางอีเมล์หรือหน้าเว็บ และด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างกันบน Facebook ก็ทำให้หลายคนเผอเรอไม่ระมัดระวังในเรื่องนี้จนเกิดปัญหาขึ้นตามมาภายหลัง

แต่ อย่าเพิ่งหมดหวัง คุณสามารถใช้ Facebook อย่างปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง วิจารณญาณที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ได้พอสมควร สำหรับมือใหม่เพิ่งหัดใช้ ลองเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ที่ Privacy Settings จากเมนู Settings ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนรายละเอียดในการเผยแพร่ภาพถ่าย ข้อความ ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการทำงานได้ ซึ่งรวมไปถึงสิ่งที่สมาชิกคนอื่นๆ จะมองเห็นด้วย ฉะนั้นเจ้านายหรือแฟนเก่าของคุณถูกกำหนดให้เห็นข้อมูลที่แตกต่างออกไปบน Facebook ของคุณ อย่าลืมว่าการปล่อยให้คนทั่วไปที่ไม่รู้จักเห็นข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่ เกี่ยวกับคุณนั้น ไม่ใช่คำตอบที่ฉลาดซักเท่าไรนัก

อีกหนึ่งคุณสมบัติ ที่ต้องระวังก็คือ "Find Friends" ซึ่งยอมให้คุณกรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของเว็บเมล์อย่าง Gmail หรือ Yahoo! Mail เพื่อดึงเอาข้อมูลรายชื่อคนที่คุณรู้จักมาใส่ไว้บน Facebook -- อย่าลืมดูให้แน่ใจว่า รายชื่อเหล่านั้นไม่มีคนที่คุณติดต่อทางธุรกิจอยู่ด้วย เพราะนั่นอาจจะเสี่ยงต่อการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวที่ไม่เหมาะไม่ควรให้แก่คน เหล่านั้นได้ทราบ

ส่วนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวด้วยการจำกัดการใส่ แท็กชื่อของคุณเข้ากับรูปภาพต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรทำ เพราะบางครั้งคุณก็ไม่อยากให้คนอื่นๆ ได้เห็นภาพส่วนตัวบางอย่าง ที่โดนแท็กจากคนอื่นแต่ใส่เป็นชื่อของคุณเพื่ออ้างอิงมาที่ตัวคุณอย่าง ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ฉะนั้นก่อนจะเริ่มใช้ Facebook อย่าลืมสละเวลาซักหนึ่งชั่วโมงเพื่อรีวิวการตั้งค่าต่างๆ เหล่านี้ตั้งแต่แรกเริ่ม การเปิดใช้บัญชี Facebook ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อไม่ให้เรื่องลับๆ ของคุณถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง อาจต้องใช้เวลาบ้างพอสมควร

ทางออกอีก ทางหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การจัดแบ่งกลุ่มความสัมพันธ์ให้ชัดเจน เช่น หากมีเพื่อนนักธุรกิจหรือลูกค้าที่ต้องการติดต่อกับคุณผ่านเว็บไซต์เครือ ข่ายสังคมออนไลน์ การหันไปใช้ LinkedIn หรือเว็บอื่นๆ ก็น่าจะดีกว่าการที่รวมเอาผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาไว้ภายใต้ Facebook แถมคุณยังมีข้ออ้างดีๆ ในการปฏิเสธการขอเป็นเพื่อนบน Facebook และชักชวนให้คนรู้จักทางธุรกิจหันไปคบค้าสมาคมกันบนเว็บอื่นที่เฉพาะทางมาก ขึ้นด้วย


เครดิต::http://www.arip.co.th/articles.php?id=407323

พัณณิตา(นุ้ย)