เมื่อ สิบกว่าปีมาแล้วเคยมีโครงการศึกษาที่จะเชื่อมโยงระบบประสาทและสมองมนุษย์ เข้าด้วยกับไมโครอิเลคทรอนิกส์ โดยมีเป้าหมายให้มนุษย์สามรถที่จะติดต่ออุปกรณ์บางอย่าง หรือใช้เครื่องมือบางอย่างได้เลยเพียงแค่นึกว่าจะใช้ คือแค่คิดโดยไม่ต้องเคลื่อนไหว เช่นนอนอยู่ก็แค่คิดในใจว่าอยากดูโทรทัศน์ภาพของรายการช่องโทรทัศน์ต่างๆ ก็เข้ามาจากนั้นก็ต้องนึกต่อว่าจะดูช่องหนึ่งรายการอะไร จะปรับเสียงภาพอย่างไรตามต้องการก็แค่ๆ นึกคิดสั่งการเอาเอง การทำได้เช่นนี้นั้นต้องฝังชิปคอมพิวเตอร์ไว้ในร่างกายเชื่อมต่อกับระบบ ประสาทที่เชื่อมต่อไปยังสมองโดยตรง โครงการนี้ดูจะก้าวลำไปในอนาคตมากเกินไป แต่ขณะนี้ก็เป็นจริงขึ้นมาบ้างแล้ว เช่นการที่อุปกรณ์เครื่องเคราที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์สามารถจับคลื่นความ คิดของเราที่แผ่ออกมาจากสมองได้ ซึ่งนำไปใช้ประยุกต์ในการเล่นเกมส์ได้แล้วในการสั่งให้โปรแกรมเกมส์ทำงาน สั่งให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งในเกมก็แค่คิดว่าจะใช้คำสั่งอะไร ก็สั่งได้แล้ว คาดว่าในอนาคตคงจะมีเครื่องมือที่สั่งการเพียงแต่การคิดสั่งในใจก็ทำงานแล้ว
มาดูของจริงที่ใช้กันจริงในปัจจุบัน อะไรอะไรก็มักจะใส่คำว่าอัตโนมัติเข้ามาถ้าหากว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้นั้น ทำอะไรให้เองโดยเราไม่ต้องไปยุ่งมากนัก หรือเราเขาไปยุ่งน้อยลง เช่นเกียร์รถยนต์อัตโนมัติ ลดขั้นตอนการเหยียบครัชลงไป เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่จะต้องยกผ้าเลื่อนถัง ใส่ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเพียงเอาผ้าออกไปตากได้เลย ปัจจุบันคงมีที่ตากให้แล้วในลักษณะที่ปั่นให้ความร้อนจนผ้าแห้ง ที่ยังมีเครื่องมือเครื่องใช้อีกหลายอย่างที่มีคำว่าอัตโนมัติอยู่เสมอ
และที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัตโนมัติเช่นการนำมาใช้ในด้านความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน เห็นได้ชัดในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุคที่พอไม่ได้ใช้เป็นเวลาหนึ่ง เครื่องก็จะค่อยๆ ปิดตัวเองชั่วคราวที่เรียกว่าจำศิล (hibernate) แต่ยังคงทำงานอยู่บางส่วนเหมือนกับสัตว์จำศิลทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อย ในการใช้รถยนต์มีอุปกรณ์เชื่อมต่อเช่นระบบ GPS ระบบเตือนเมื่อรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวาง มีจอโมนิเตอร์ให้เห็นด้วยว่าเป็นอะไรที่มองไม่เห็น รีโมทในการปิดเปิดประตูรถยนต์ก็เริ่มมีลูกเล่นเตือนภัย สามารถควบคุมระยะไกลๆ ได้มากขึ้น รุ่นเก่าๆหน่อยก็ได้ ไม่เกิน 15 เมตรรุ่นหลังๆ อาจจะได้ไกลถึง 100 เมตร ควบคุมได้หลายอย่างตั้งแต่เปิดไฟในรถ เปิดเสียงเตือน เป็นระยะป้องกันขโมยได้อย่างหนึ่ง และรุ่นที่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกไม่ต้องกดรีโมทเลยประตูรถก็เปิดได้แต่เจ้าของ ที่มีรีโมทเดินมาใกล้รถก็เปิดประตูได้ (คนอื่นก็เปิดได้ด้วยถ้ามากับเจ้าของ)ต่อไปคงจะตั้งได้กระทั่งว่าให้ใครเปิด รถได้บ้าง อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีทุกอย่างเป็นเหมือนมีดสองคม ที่อาจนำไปใช้ในทางร้ายก็ได้เช่นกันดังเราจะเห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งมนุษย์คงจะคิดต่อไปว่า ถ้าจะไม่ใช้ในทางร้ายหรือทางไม่ดีควรจะทำอย่างไร ประการสุดท้ายนี้ก็จะยากมาก นอกจากจับคนพวกนี้ไปตัดแต่งพันธุกรรมใหม่เท่านั้น
....เกิดมาสมัยนี้อะไรก็สะดวกสบาย ทำให้เรามีเวลาเหลือมากมาย....
....จนทำให้เราลืมไปเลยว่าเวลาเป็นของมีค่าแค่ไหน....
.....เพื่อนๆลองคิดดูว่าเวลาที่มี เราใช่มันได้คุ้มค่าหรือยัง....
4 ความคิดเห็น:
ไม่แน่ว่า อนาคตมนุษย์ อาจเป็นง่อยก็ได้นะ
ทุกวันนี้ ปัญหาสุขภาพส่วนหนึ่งก็มาจากการ
ที่เราไม่ออกกำลังกาย แล้วถ้าชีวิตเรากลายเป็น
ชีวิตออโตเมชั่นไปอีกนี่ รับรอง ง่อยแน่เลย
T.T
อืม .... ครูว่าน่าสนใจ สงสัย อีกไม่นาน เราคงจะมีหัวที่โต เขียนขาที่ลีบ ... แล้ว เราจะมีสมองไหมน้า ... น่าคิดนะเนี่ย ....
ความสะดวกสบายเปนสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีมากเกินไปก้เกิดโทดได้ เช่นเดวกับทุกๆสรรพสิ่งที่ต้องมีอย่างพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ถ้าเป็นอย่างงี้สงสัยต่อไปก็ไม่ต้องเรียนกันแล้ว ทำชิปฝังในสมอง ให้ทุกคนเลย อิอิ
แสดงความคิดเห็น