เรื่องเล่า เพื่อการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
สามีภรรยาคู่หนึ่งเลี้ยงพังพอนไว้ดูเล่นเพราะเห็นว่าน่ารัก ให้อาหารและเล่นหัวกับมันทุกวันจนมันโตและคุ้นกับคนดี ทำให้ทั้งคู่รักมันมาก
ต่อมาภรรยาให้กำเนิดบุตรคนหนึ่งทั้งคู่เลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมไม่ให้ห่างหูห่างตา เพราะยังไม่ไว้ใจพังพอนนัก กลัวจะมากัดลูกเอา วันหนึ่งทั้งคู่จำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน เมื่อให้อาหารแล้วก็อุ้มใส่เปลรอกระทั่งลูกหลับจึงออกจากบ้าน กะว่าชักชั่วโมงจักลับลูกคงยังไม่ตื่น
แต่ใจก็กังวลพังพอนจะปีนขึ้นเปลไปกัดลูกเมื่อสองสามีภรรยาออกจากบ้านไปไม่นาน งูเหลือมใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยเข้ามาในบ้านเพื่อมาหาอาหาร ขณะที่เลื้อยเข้าไปใกล้เปลนั้นพังพอนเห็นเข้าจึงกระโดดกัดงูทันที
ทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่ามาก แต่ก็สู้สุดฤทธิ้ งูก็พยายามจะรัดพังพอนให้ได้พังพอนกระโดดหลบและกระโดดเข้าหาเป็นพัลวันจนเกือบหมดแรง
แต่ก็ฮึดสู้กระโดดกัดเข้าที่คองู ฝังเขี้ยวลงไปจนสุดเลือดงูทะลักออกมาเปื้อนเปรอะปากพังพอนไปหมด ดิ้นเท่าไรพังพอนก็ไม่ยอมคายเขี้ยว
ในที่สุดงูทนพิษพังพอนไม่ไหวสิ้นใจตายตรงนั้นชัวโมงเศษ สองสามีภารรยากลับมา พังพอนรีบออกไปต้อนรับเพื่อเสนอหน้าว่าได้ทำวีรกรรมอันสำคัญช่วยให้ลูกเจ้าของบ้านพ้นจากการเป็นเหยื่อของงูเหลือมยักษ์ได้
ฝ่ายภรรยาเห็นเลือดที่ปากพังพอนเท่านั้นก็คิดว่าพังพอนคงกัดลูกของตัวเข้าแล้ว เลือดยังกลบปากอยู่เลย คิดแล้วก็ให้แค้นนัก คว้าท่อนไม้ได้หวดเข้าที่หัวพังพอนไม่ยั้งจนพังพอนเละคามือแล้วรีบเข้าไปในห้อง
แต่อนิจจา ลูกนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเปล เห็นงูเหลือมขนาดใหญ่นอนตายจมกองเลือดอยู่ข้างเปลก็ทราบได้ทันทีว่าอะไรเกิดขึ้น
รีบวิ่งไปที่ประตู อุ้มซากพังพอนขึ้นมาแนบอก ร้องไห้โฮ รำพึงรำพัน"ขอโทษ ขอโทษ แม่ผิดไปแล้ว แม่ทำให้เจ้าต้องตายเพราะความโมโหหุนหันแท้ๆ"
แต่ก็สายเสียแล้ว พังพอนตายไปตั้งแต่โดนหวดไม้แรกแล้ว.
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นหรืออย่างที่เราเข้าใจ จึงอย่าด่วนเชื่อด่วนตัดสินใจเชื่อหรือปฏิเสธไปตามที่ได้เห็นหรือตามที่ได้ยิน มันอาจไม่เป็นไปอย่างที่เราเห็นหรือที่เราคิดก็ได้ ที่ถูกควรรับฟังไว้ก่อน พิจารณาให้รอบคอบถ้วนถี่ พิสูจน์ให้เห็นจริง ให้ได้ความแน่นอนเสียก่อนค่อยเชื่อหรือปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้วู่วามไปทำเรื่องเสียหายร้ายแรง หรือทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่ก็ได้ มีหลายคนที่ต้องมาเสียใจภายหลังเพราะความด่วนตัดสินใจ ชี้ผิดชี้ถูกโดยที่ยังมิได้พิจารณาหรือไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน ทำอะไรไปโดยหุนหันพลันแล่น เชื่อเพียงที่ได้เห็นหรือได้ยิน ในกรณีด่วนตัดสินใจนี้หากเป็นเรื่องสำคัญก็จะเสียหายบานปลายไปใหญ่โต ถึงกับเสียเงินเสียทอง เสียงชื่อเสียง และเสียบ้านเสียเมืองก็ยังมีให้เห็นกัน.
อ่านกันแล้วก็อยากให้ทุกคนไม่ว่าจะทำอะไรให้มีสติหน่อยนะคะจะได้ไม่เกิดสิ่งไม่ดีขึ้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น