วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวันที่ 9 มกราคม 2552
ในเรื่องของการนำเสนอ การเตรียมตัวสำคัญที่สุด ถ้าเนื้อหาแม่น ข้อมูลที่ทำมาดีแล้ว ครบถ้วน คำว่าตื่นเต้นหรือกลัว จะไม่เข้ามาทำให้เรารายงานได้ไม่ดี ส่วนในเรื่องของเนื้อหาในการนำเสนองานควรหาเนื้อหาให้ครบถ้วนครอบคุมกับที่เราต้องการเพื่อสามมารถนำเนื้อหานั้นมานำเสนอให้ครอบคุม
สิ่งที่ได้จากการนำเสนองาน วันที่ 9 มี.ค. 2552
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ คำสั่งสอนของอาจารย์นะคะ ที่สำคัญคือขอบคุณที่อดทนกับพวกเรามาโดยตลอด ต่อไปนี้ก็จะเป็นลูกศิษย์ที่ดีให้มากกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณเพื่อน ๆ น้า.....ที่ช่วยกันอดทนทำงาน ถ้าไม่มีทุกคน งานก็คงไม่สำเร็จ
สุดท้ายขอบคุณ Girls Generation และ Wonder BaBy ที่ทำให้การทำงานของพวกเราเต็มไปด้วยความสุข (?)
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2552
วิธีที่ทำให้ผมยาวเร็ว
แบบทดสอบความโง่
การเรียนรู้ที่ได้รับอย่างมากมาย
ความคิดเห็นที่เกี่ยวกับ The day the earth stood still
สำหรับบทวิจารณ์ที่ อ ขึ้นลิ้งค์ในพันทิพย์มันหายไปแล้วว
เคยเข้าไปอ่านบ้างครับ เท่าที่จำได้เขาก็พูดประมาณว่า คอหนัง แอ็คชั่นต้องผิดหวัง
ซึ่งก็ถูกต้องครับ
สำหรับประเด็นความคิดเห็นของปาล์ม จะอยู่ที่ฉากที่พระเอกของเราคุยกับคนแก่ในร้าน แมคฯ
คนแก่พูดว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบทำลาย แต่ชายแก่กลับบอกว่าเขาอยากอยู่โลกแม้ว่าจะต้องตาย
ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อนะไอ้ทีพูดว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบทำลาย แต่พอดูหนังจบ
มาดูๆ เราก็แอบผิดหวังนิดๆนะ
รู้สึกน่าจะมีฉาก ระเบิด แอ๊คชั่นมากกว่านี้
พอคิดอย่างนี้ เลยถึงบาง อ้อ เลย
ว่า ทำไมเขาถึงสรุปว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบทำลาย
เชื่อว่า ทุกคนที่ดูตัวอย่างหนังก็คงคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนัง แอ๊คชั่น
และก็เชื่ออีกว่า คนที่ดูหนังเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะ คิดว่ามันเป็นหนังแอ๊คชั่นนี่แหละ
คิดว่าต้องบู้เยอะ ระเบิดมากๆ
ซึ่งคนแบบนี้มีประมาณ 40% (สังเกตจากผลโหวตของหนังเรื่องนี้ได้แค่ประมาณ 60% เอง)
นี่จึงพิสูจน์ได้ว่ามนุษย์มีความชอบในการทำลาย
แต่...ในตัวมนุษย์เองก็มีสิ่งที่ตรงข้ามกับการทำลายติดมาด้วย
และสิ่งนั้นก็ทำให้ชายแก่ไม่อาจ ตัดใจทิ้งโลกไปได้
วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552
การเรียนรู้ในวันที่ 9 ม.ค. นะครับ ^^
และแล้วก็มาจบที่โปรเจคท์สุดท้าย(งานกลุ่มด้วย)ทีแรกก็คิดว่าสบายๆเรื่อยๆเอาไรมากทำกันตั้ง 7 คนก็ไม่คิดอะไรมาก แต่พอถึงเวลาลงมือทำจริงๆ...
โอ้ววววว อะไรกันนี่...งง!!! ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร สรุปก็ต้องมารื้อเจ้าพวกชีททั้งหลายที่อาจารย์ได้ให้ไว้ตั้งแต่ต้นเทอม(แต่ไม่เคยได้แตะเรย - -)เอามาอ่านๆๆแล้วก้ออ่าน โทรถามเพื่อนด้วย(ต้องขอบคุณจิ๋ว กับ พี่โจ้ ^^)เพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ต่างกันยังไง แล้วค่อยมาดูงานในส่วนที่เราได้รับมอบหมายว่าแล้วจึงได้พอที่จะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร มีโครงสร้างของข้อมูลเป็นยังไง เอาล่ะ เริ่มสบายใจขึ้นเยอะล่ะ แล้วก็ไปนอนด้วยความสบายใจ
จนมาถึงในวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่ต้อง Present งานนี้ เริ่มจะตื่นเต้นขึ้นมาและเลยมาเช้ากว่าปกติ เหอๆ มาก็เจอเพื่อน...ครบเลย 555 ก็ดีๆ ได้มีเวลาคุยกันหน่อย พอถึงเวลาอาจารย์มาก็ตื่นเต้นขึ้นเยอะเลย รู้สึกว่าที่เตรียมมาพูดก็เริ่มจะจำไม่ได้ซะงั้น พอได้เวลาก็เริ่ม...คนแรก แฮมก็พูดๆๆไปแต่ตอนคอมเม้นเนี่ยซิ แบบว่า...โอ้ววววว เครียดดดดด!? เอาแล้วไง ทำไงดีๆจะถึงเราแล้วด้วย จะบ้าตาย กดดันสุดๆ เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน โดนก็โดน แล้วก็ผ่านไป ส่วนตอนคอมเม้นอ่ะ ไม่รู้สึกหรอก ชาแล้ว - -* พอผ่านไปได้ ก็เริ่มสบายขึ้น โล่งและ ตอนบ่ายก็มาดูคะแนนกัน ก็เป็นสภาวะที่ค่อนข้างกดดันเหมือนเดิม อาจารย์ให้คะแนนโหดมาก แต่เหตุผลของอาจารย์ก็มีน้ำหนักมากตามไปด้วย สรุปว่าวันนั้นได้เรียนรู้อะไรๆหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับในตัวของเราเอง และการให้เกียรติเพื่อนด้วยเหตุผล ด้วยความจริง และถ้าหากมองย้อนไป ก็ได้รู้ว่าอาจารย์ได้ให้การเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้ได้อ่านหนังสือด้วยความเต็มใจ
จึงทำให้เกิดความเข้าใจมากกว่าที่จะท่องจำ
สุดท้ายต้องขอขอบคุณอาจารย์จงดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากกมายที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน รวมไปถึงเพื่อนๆทุกคนที่มีน้ำใจและเคารพต่อการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน...เทอมหน้าเจอกันใหม่ ฮิ้ววววว ^^
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552
การเรียนรู้ในวันที่ 9 มีนาคม 2552
การเรียนการสอนเป็นแบบใหม่ ที่ พวกเรารู้สึกเหนื่อยมากกับการคิด การพูด การฟัง การเขียนที่ไม่คุ้นชินเลยกับการเรียนการสอนแบบนี้ ... วิชาอะไรกันนะที่ไม่มีการบรรยาย อาจารย์ให้อ่านหนังสือแปลกๆ ที่พูดถึง เจ้าตัวเหี่ยว และเจ้าตัวสด ... ให้โพสต์อะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยโพสต์เลยให้ตายเถอะ...
การเรียนการสอนวิชานี้เป็นการเรียนการสอน ที่เรารู้สึกว่า เรียน ESI สบายจัง หน้าหนาวนั่งเรียนในสวนสมุนไพร มีกลิ่นลอยมาแตะจมูก เป็นระยะระยะ ... ออกกำลังกาย เลี่ยนแบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผล ... งานที่สั่งมา อาจารย์ก็ไม่เห็นที่จะทวงถาม หรือว่ากำหนด Deadline ของการส่งงาน แถมให้รายงานแบบที่ไม่มีการกำหนดหัวข้อ รูปแบบ และระยะเวลาการนำเสนออีกต่างหาก ...
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิชานี้คือ .. ข้อมูลและสารสนเทศต่างกันอย่างไร ... ทำอย่างไรที่จะรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ... ทำอย่างไรจึงจะประมวลผลข้อมูลให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลายเหลือเกิน...
วันนี้ได้เรียนรู้วิธีการประเมินผล ... อาจจะเรียกได้ว่า เรียนรู้ตั้งแต่กระบวนการคิด ในการออกแบบแบบประเมินเลยก็ว่าได้ ... วันนี้ยังได้รับสิ่งที่ดีดีที่เพื่อนๆ อาจารย์มอบให้ รวมทั้งได้มีการมอบสิ่งที่ดีดี ที่อยู่ในใจของเราออกไปให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย... รู้สึกดีจัง ...
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ การให้คะแนนคนที่เรารัก และปรารถนาดีด้วย ด้วยคะแนนที่ต่ำมากมาก .... 1 คะแนน ... เราได้เรียนรู้ว่า คะแนนคือตัวเลขหนึ่งตัว ที่มีค่าหนึ่ง ในขณะใดขณะหนึ่ง... ไม่ได้ มีค่า 1 ไปตลอด ซะเมื่อไหร่....
สิ่งหนึ่งที่ประทับใจในการเรียนรู้วันนี้คือ Giving and Receiving ตอนท้าย ...
ประโยคส่งท้าย ....หากเราจะต้องเป็น นักสารสนเทศสิ่งแวดล้อม (ESI) ท่าทางเราจะต้องเอาใจใส่ เพื่อน้อมนำวิชามาสู่ตน อันจะก่อให้เกิด การเรียนรู้ตนเองและโลกผ่านการน้อมนำเอาวิชามาสู่ใจ....นับตั้งแต่วันนี้เสียแล้วละมัง....
สิ่งที่ได้จากการนำเสนองานวันที่ 9 มี.ค.
1 ได้ประสบการณ์ในการนำเสนอเพื่อนำไปใช้กับการทำงานครั้งต่อไป
2 ได้ฝึกการประเมินคนอื่น
3 ได้เรียนรู้ว่าในการทำงานแต่ละครั้งควรจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้งานออกมาดี
4 ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดจากทั้งของตัวเองและคนอื่น
5 ได้ให้และรับความรู้สึกดีๆจากทุกคน
6 ได้สนิทสนมกับทุกคนมากขึ้นกว่าเดิม
7 ได้กินข้าวฟรี ขอบคุณค่ะอาจารย์
8 ได้ประสบการณ์ที่วิชาอื่นให้ไม่ได้ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ช่วยกันทำงานนนี้ให้เศฃสร็จลุล่วงไปได้(เหลือส่งรูปเล่มอีกอย่าง สู้ๆๆ)
สิ่งที่ได้จากการนำเสนองาน(ปาล์ม)
๑) ได้รู้ถึงสิ่งที่เราควรต้องพัฒนาให้ดีขึ้น เช่น การพูด การสื่อสาร
๒) ได้เข้าใจถึง เนื้อหา ในวิชานี้มากขึ้น
๓) ได้เขียนความรู้สึกดีๆให้เพื่อน และ อาจารย์
๔) ได้เข้าใจว่า การเป็นคนดำเนินการให้คะแนนมันเหนื่อยแค่ไหน --"
๕) ได้กินฟรี (ขอบคุณครับ อาจารย์ ^_^)
๖) ได้รับความรูสึกดีๆที่เพื่อนๆ และ อาจารย์มีให้เรา
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทุกคน สู้ๆกับการสอบ ที่เหลือนะครับ
Fight for "A" ^.^!
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552
10ปรากฏการณ์ประหลาดจากโลกร้อน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ!
สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าวอย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย
สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้นสัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว
"พืช" ขั้วโลกคืนชีพ
ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปีแต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ
ทะเลสาบหายสาบสูญ
เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลกสาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่าง นั่นเอง
นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีกด้วย
น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย
ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างต่อเนื่องเท่า นั้น แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกันผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป
สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วย ถ้าปรากฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น
ชนวนเกิดไฟป่า
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันทั่วโลก ว่าภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้น กว่าในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกและชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด
โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้น บรรดา "นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทัน สัตว์ที่จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสาย พันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น
ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่
ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อนล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิมตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้องอย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ
ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว "สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน! นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลง ไปใต้พื้นผิวเมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง
โบราณสถานเสียหาย
โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจาก โลกร้อนเหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้วโบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน
วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552
เทคโนโลยัสารสนเทศ
การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควมคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น
เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอการการเรียนรู้ มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนมากขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่าโทรมาตร เป็นต้น
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบเฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน
การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศ
จับได้ว่าแฟนมีชู้ เพราะมือถือตัวเก่ง
เพื่อหวังว่าจะได้ยินเสี
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ดิฉั
เมื่อโทรไปแล้วมีผู้หญิงที่
ชีวิตทั้งชีวิตไว้กับ เขา
ดิฉันตกใจมาก
พยายามเก็บความรู้สึกอย่างที
ดิฉันไม่พูดอะไรทั้งนั้น
เพราะมันจุกค่ะ มันจุกอยู่ที่ท้อง
หัวใจดิฉันเต้นแรงอย่างที่ไม่
แต่มือและเท้ากลับเย็นชา
ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ทั้งสิ้น
มันพูดไม่ออกเลย
น้ำตาดิฉันไหลพล่า
เวลานั้นถึงแม้มันจะสั้นแต่
ตัวดิฉันทรุดลงไปนอนกับพื้น
พร้อมมือที่ยังกำโทรศัพท์แน่
โดยเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่
ด้วยประโยคที่ว่า
ขอโทษคะไม่สามารถติดต่
อย่าคิดมาก...
อยากรู้ไหมว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ?
ให้ตอบคำถาม 4 หัวข้อนี้ แล้ว นำตัวอักษรในแต่ละข้อที่ได้มาเรียงต่อกัน เพื่อดูว่า คุณเป็นคนอย่างไร...
1.บุคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร?
I : ชอบสันโดษ, คิดก่อนทำ, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
E : ชอบเข้าสังคม, ชอบไปงานสังสรรค์, ทำก่อนคิด, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน. สิ่งของ, สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่
2. เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร?
S : ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล, ดูถึงปัญหาปัจจุบัน, ดูถึงหลักความเป็นจริง
N : ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล, คาดการณ์ล่วงหน้า, ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น
3. คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา?
T : ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ, ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง, คิดถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ
F : ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ, ตัดสินใจจากความชอบ, ความต้องการ, คิดถึงความต้องการ และการตอบสนองของตน
4. คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร?
J : ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน, ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ, ชอบตัดสินใจเพื่อให้จบปัญหา
P : ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว, ไม่ยึดติด, มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์, รับฟังความคิดผู้อื่น
ตอบเสร็จ ก็จะได้ตัวอักษร 4 หลัก เช่น ENTP ก็เอาไปหาผลตอบจากด้านล่างนะว่าคุณเป็นคนอย่างไร...
ISTJ - The Duty Fulfiller "ผู้สำเร็จ"
มีสมาธิสูง เงียบ เป็นคนรักครอบครัว ละเอียด จริงจัง และ ไว้ใจได้ ทำงานหนัก เจ้าระเบียบ และ มีความรับผิดชอบสูง อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขาซื่อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้
ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก
ISTP - The Mechanic "ช่างเครื่อง"
เงียบ ชอบผจญภัยและ กีฬา ชอบเสี่ยง เป็นตัวของตัวเอง แก้ปัญหาเก่ง มองโลกในแง่ดีแต่อาจโกรธง่ายตอนเครียดปกติไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ ทั้งดีและไม่ดี
ISFJ - The Nurturer "ผู้ดูแล"
เงียบ ใจดี มีสติ มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่ คิดถึงคนอื่นก่อนตัว จำคนเก่ง เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์ ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง
ISFP - The Artist "ศิลปิน"
เงียบ ใจดี จริงจัง และ อ่อนไหว ไม่ชอบการโต้แย้ง ไม่ชอบระเบียบ ความคิดสร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร รักขอบสวยของงาม เข้าใจยาก เปิดเผยตัวเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง
INFJ - The Protector "ผู้ป้องกัน"
ความคิดสร้างสรรค์ อ่อนไหว เป็นตัวของตัวเอง เก่งเรื่องคนและสถานการณ์
เป็นคนลึกซึ้ง ซับซ้อน ชอบความเป็นส่วนตัว เข้าใจยาก มีความมั่นใจในตัวเองสูง ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น ไม่ชอบการโต้แย้ง
INFP - The Idealist "นักอุดมการณ์"
เงียบ ซื่อสัตย์ ชอบอุดมการณ์ ชอบช่วยเหลือและเข้าใจคนอื่น ไม่ชอบการโต้แย้ง
ซื่อสัตย์ต่อตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์
INTJ - The Scientist "นักวิทยาศาสตร์"
ฉลาด มุ่งมั่น ไม่เหมือนใคร เป็นผู้นำที่ดี มีความมั่นใจสูง มองการณ์ไกล ชอบคิดคนเดียวและชอบอยู่คนเดียว ชอบด่วนสรุป ไม่ชอบรายละเอียด คิดว่าตนเองถูกเสมอ
บอกความรู้สึกไม่เก่ง จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
INTP - The Thinker "นักคิด "
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุมีผลและมีความสามารถสูง ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น
ไม่ชอบระเบียบ ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เงียบ ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง
มีอารมณ์ซับซ้อน ไม่อยู่นิ่งและแปรปรวน
ESTP - The Doer "ผู้กระทำ"
เป็นมิตร ยืดหยุ่นง่าย เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่ผลลัพธ์
ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน รักสนุก สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ
เบื่อง่าย
ESTJ - The Guardian "ผู้พิทักษ์"
มีระเบียบ ซื่อตรง ตรงไปตรงมา มีความมั่นใจในตัวเอง มีความสามารถ ทำงานหนัก เป็นผู้นำ
ชอบความปลอดภัย และ ความสงบสุข บอกความรู้สึกและความห่วงใยไม่เก่ง
ESFP - The Performer "ผู้แสดง"
อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ มีมนุษยสัมพันธ์ดี รักสนุกและทำงานเป็นทีมได้ดี มองโลกในแง่ดี ต้อนรับทุกคน แต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน ไม่ชอบงานประจำ คิดมากเวลาเครียด รักสวยรักงาม
ESFJ - The Caregiver "นักใส่ใจ"
มีน้ำใจ คนชอบ มีสติ มีความรับผิดชอบ เก่งเรื่องคน เข้าใจ สนใจและปรับตามคนได้
ชอบให้คนมาชอบตัวเอง ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง รักสงบ และความปลอดภัย ไว้ใจได้ กระตือรือร้น
อ่อนไหว ต้องการการเห็นด้วยจากผู้อื่น
ENFP - The Inspirer "ผู้มีแรงบันดาลใจ"
มีความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น ยืดหยุ่น ต้อนรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด
มีมนุษยสัมพันธ์ดี ชอบให้คนมาชอบตัวเอง แต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย
เป็นคนร่าเริง และชอบเป็นอิสระ
ENFJ - The Giver "ผู้ให้"
มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ ไม่ชอบอยู่คนเดียว ต้องการอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา
มีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบหลาย ๆ อย่าง มีความมั่นใจในตัวเอง เจ้าระเบียบ
ENTP - The Visionary "ผู้มีวิสัยทัศน์"
มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด แก้ปัญหาเก่ง
ชอบไอเดียใหม่ ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ ชอบคุย คุยเก่ง หัวไว ไม่สนใจเรื่องความรู้สึก แต่เพียงจะให้งานสำเร็จ บางครั้งอาจจะเคร่งครัดกับคนรอบข้าง
ENTJ - The Executive "ผู้บริหาร"
เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด พูดต่อหน้าคนเก่ง ฉลาด มีความรู้
เห็นความสำคัญในความรู้และความสามารถ ไม่มีความอดทนกับคนทำงานไม่เก่ง
แก้ปัญหาเก่ง สามารถเข้าใจปัญหาซับซ้อน เจ้ากี้เจ้าการ ไม่มีความอดทน แต่เด็ดขาด น่าเกรงขาม
ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ก็เล่นกันสนุกๆ นะ แล้วใครเป็นคนแบบไหนก็บอกด้วยละกัน จะได้ปรับตัวเข้าหากันได้