เนคเทค สรุปผลสำรวจฯ ชี้แนวโน้มซื้อของออนไลน์เพิ่ม รับบทบาทข่าวออนไลน์กระทบกับสื่อ นสพ.คาดปี 52 ยอดผู้ใช้เพิ่มเป็น 20% จากปี 51 ที่ 18%...
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) แถลงรายงานผลการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ประจำปี2552 นับเป็นครั้งที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะพฤติกรรม และความคิดเห็นของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในด้านต่างๆ สำหรับเป็นแนวทางเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาวงการอินเทอร์เน็ตใน ประเทศไทย
โดยการสำรวจครั้งนี้ดำเนินการด้วยรูปแบบออนไลน์ ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ต.ค. 2552 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 11,991 คน เพศหญิง 72.5% ชาย 22.5% อายุระหว่าง 20-29 ปี 42.2% รายได้ต่อครัวเรือนต่อเดือน 1-2 หมื่นบาท 26.4% ระดับการศึกษาปริญญาตรี 58.8%สถานะการทำงาน 51.3% กรุงเทพฯ และปริมณฑล 54.9% โดยมีผลการสำรวจที่น่าสนใจ สรุปได้ดังนี้ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน 52.3% เพิ่มขึ้นจากเดิม 44.8% ส่วนการใช้ที่ทำงานลดลงเหลือ 37% จาก 44.9% ส่วนช่วงเวลาที่ใช้อินเทอร์เน็ตมากสุด 20.01-24.00 น.37.3% และวิธีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ADSL 40.3% โดยบริการผ่านโทรศัพท์มือถือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
กิจกรรมที่ทำบนอินเทอร์เน็ตมากที่สุด คือ ค้นหาข้อมูล 29.7% อีเมล์ 21.9% ติดตามข่าว 9.3% อี-เลิร์นนิ่ง 8% ปัญหาสำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ ไวรัสกวน 48.4% การสื่อสารล่าช้า 32.9% การมีแหล่งยั่วยุทางเพศ 24.2% อีเมล์ขยะ และความน่าเชื่อถือของข้อมูล19% ทั้งนี้ ประเด็นที่ควรได้รับการพิจารณา ได้แก่ การโจมตีจากไวรัสและการรักษาความมั่นคงของเครือข่าย 41.9% การกระจายความทั่วถึง 34.1% การหลอกลวงบนอินเทอร์เน็ต และอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ 29.8%
ส่วนพฤติกรรมการซื้อสินค้าและ บริการผ่านอินเทอร์เน็ต พบว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยเคยซื้อสินค้าออนไลน์ 47.8% ไม่เคยซื้อ 52.2% สาเหตุที่ไม่ซื้อสินค้าและบริการบนเทอร์เน็ต ไม่ไว้ใจผู้ขาย 61.3% ไม่สามารถจับต้องสินค้าได้ 59.9% ไม่มั่นใจระบบชำระเงิน 44.6% ขั้นตอนการซื้อยุ่งยาก 40.7% ไม่ต้องการให้ข้อมูลบัตรเครดิต 31.1% สินค้า และบริการที่สั่งซื้อบนอินเทอร์เน็ตมากที่สุด หนังสือ 36.3% การสั่งจองบริการต่างๆ 30.9% เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 21.5%
ขณะ ที่การใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ พบว่าผู้ใช้งานมีการใช้บริการแบบบรอดแบนด์ ADSL ประมาณ 74.2% เคเบิลโมเด็ม 5.9% การใช้ และไม่ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผู้ที่ใช้ใช้มากกว่า 3 ปีมีประมาณ 34.2% ส่วนผู้ที่ไม่ใช้งานบรอดแบนด์ให้เหตุผลว่า ราคาแพงเกินไป 60.1% ไม่รู้รายละเอียดในการติดต่อขอบริการ 41.6% ไม่ครอบคลุมพื้นที่พักอาศัย 28.7%อย่างไรก็ตาม คาการณ์ว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปี 2552 จะอยู่ที่ 20% หรือคิดเป็น 16 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 18% หรือคิดเป็น 11 ล้านคน จากจำนวนประชากร 65 ล้านคน
นางชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รอง ผอ.เนคเทค กล่าวถึงประเด็นน่าสนใจจากการสำรวจว่า มี 5 เรื่อง ได้แก่ 1. การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ หรือ อี-เลิร์นนิ่ง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ปัญหาของการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่พบมากที่สุดในปีนี้ คือ ความเร็วของการให้บริการไม่ตรงตามที่ระบุไว้
3. การป้องกัน และแก้ไขปัญหาหลอกลวงบนอินเทอร์เน็ต และอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
4. ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนมากติดตามข่าวออนไลน์ควบคู่กับสื่อกระแสหลัก เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน และ
5. รูปแบบของการติดตามข่าวออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การอ่านข่าวผ่านเว็บบอร์ด และการอ่านข่าวผ่านเว็บไซต์ที่ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์
ทั้งนี้ ในอนาคตแนวโน้มเรื่องข่าวออนไลน์จะมีบทบาทละความสำคัญมากขึ้น และกระทบกับสื่อหนังสือพิมพ์ เพราะมีความหลากหลายให้ผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้ง ผู้บริโภคยังเข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น การติดตามข่าวออนไลน์ เคย 88.5% ไม่เคย 11.5% รูปแบบการติดตาม เว็บบอร์ด 93.9% หนังสือพิมพ์ออนไลน์ 87.1% บล็อค 68.7% สำหรับความถี่ในการติดตามข่าวออนไลน์ (ต่อสัปดาห์) 2 ครั้ง 30.9% 1 ครั้ง 28.1% มากกว่า 5 ครั้ง 17.4% 3 ครั้ง 17.2%
สำหรับประเภทของข่าวออนไลน์ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนิยมติดตาม ได้แก่ ข่าวการเมือง 35.7% ข่าวสังคมและเหตุการณ์ทั่วไป 20% ข่าวบันเทิง 17.1% ข่าวเทคโนโลยี 10% โดยปัจจัยที่ทำให้ติดตามข่าวออนไลน์ ความสะดวก 56.5% ความมีอิสระ 18.3% การมีส่วนร่วม 13.2% ส่วนมากอ่านข่าวออนไลน์ควบคู่กับหนังสือพิมพ์รายวัน 44.8% ผลดี มีความหลากหลาย 42.6% แสดงความคิดเห็นได้อิสระ 26.7% มีส่วนร่วมในการนำเสนอข่าว 21.4% ผลเสีย ขาดการกลั่นกรองข่าวสำหรับเยาวชน 41.7% ไม่มีระบบคัดกรองบทวิจารณ์ 32.2% ไม่มีความเป็นกลาง 14%
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
3 ความคิดเห็น:
เล่นเนตที ก็โดนไวรัสแล้วแหละ เซงมากมาย
จิงอ่ะ ไวรัสนี่อันตรายจิงๆเรย
แม้แต่เด็กเล็กๆยังเล่นแล้วอ่ะ ฝังใจกันไปตั้งแต่เด็กเลย
แสดงความคิดเห็น